ระหว่างที่มู่ฝูหลันนิ่งเงียบ ลู่ซื่อพลันฉุกคิดถึงคำพูดของสาวใช้ นางรีบพูดหว่านล้อมต่อ “หลันเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยพูดเพราะกลัวเจ้าคิดมาก ข้าเคยได้ยินสาวใช้ของเจ้าเล่าให้ฟังบ้างว่าแม่สามีเจ้ามีความคิดจะรับแม่นางชีเข้าเรือน หากเจ้าไม่เต็มใจ รอพบหน้าน้องเขยแล้วพูดจาดีๆ กับเขาก็ได้ พวกเจ้าเพิ่งแต่งงานกัน ถ้าเจ้าไม่พยักหน้า ต่อให้เขากับสตรีสกุลชีมีอดีตลึกซึ้งปานใด ก็ไม่อาจหักหน้าแคว้นฉางซาเราด้วยการเอาเกี้ยวรับคนเข้าเรือนให้ได้”
นางจับมือของน้องสาวสามีไว้ ทอดเสียงอ่อนลง “หลันเอ๋อร์ เจ้าฟังคำข้านะ เจ้าเป็นประมุขหญิงของสกุลเซี่ย เรื่องนี้ขอแค่เจ้าไม่รับปาก นางก็เข้าเรือนมาไม่ได้ อาศัยรูปโฉมของเจ้าและใช้มารยาหญิงบ้าง ไยต้องกลัดกลุ้มว่าจะมัดใจน้องเขยไม่อยู่ ยิ่งกว่านั้นยังมีแคว้นฉางซาอยู่อีก แม้เป็นแคว้นเล็กๆ แต่ฐานะท่านหญิงของเจ้าก็เป็นที่รับรู้กันอยู่ แค่สตรีนางเดียวทำให้เจ้าท้อแท้สิ้นหวังถึงขั้นนี้ได้เช่นไรกัน”
มู่ฝูหลันกล่าว “พี่สะใภ้ ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านกล่าวมาทั้งหมด แต่ที่ข้าอยากตัดขาดไม่เกี่ยวข้องกับสกุลเซี่ย มิใช่เพราะสตรีสกุลชี แต่ข้าเปลี่ยนความคิดแล้ว ข้าหมดความพึงใจต่อคนแซ่เซี่ยผู้นั้น ทั้งไม่ปรารถนาจะปล่อยชีวิตให้สูญเปล่าอยู่ในสกุลเซี่ยต่อไป ข้ากลับมาหนนี้ก็ไม่คิดจะหวนกลับไปอีก และจะไม่เปลี่ยนใจด้วย พี่สะใภ้ได้โปรดให้อภัยในความดื้อรั้นของข้า ช่วยส่งเสริมข้า อย่าเกลี้ยกล่อมข้ากลับไปอีกเลย”
น้ำเสียงของนางสงบนิ่งดังเก่า แต่ท่าทางแน่วแน่อย่างยิ่งยวด
ลู่ซื่อจ้องมองมู่ฝูหลันอย่างตกตะลึง ท่ามกลางความสับสนงุนงง นางถึงกับบังเกิดความรู้สึกว่าเหมือนอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้า
นี่ไม่เหมือนความคิดอ่านของเด็กสาวอายุสิบหกปีคนหนึ่ง!
ภาพของน้องสาวสามีที่ประทับอยู่ในใจนางเป็นคนอ่อนโยนและสุภาพเรียบร้อย
จำได้ว่าในคืนก่อนที่มู่ฝูหลันจะออกเรือน ตนเองนอนอยู่เป็นเพื่อนนาง ความประหม่าตื่นเต้น วาดหวังและขลาดอายของนางยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ
ลู่ซื่อไม่รู้จริงๆ ว่าในเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งปีกว่านี้เกิดเรื่องใดขึ้นกับนางกันแน่ ถึงทำให้นางตัดสินใจเยี่ยงนี้
ราวกับว่านางเติบโตเป็นผู้ใหญ่กะทันหัน ไม่ใช่ธิดาอ๋องสกุลมู่ที่ตนรู้จักมักคุ้นอีกต่อไป
“หลันเอ๋อร์…”
ลู่ซื่อลำบากใจเสียแล้ว นางลังเลตัดสินใจไม่ได้
“เจ้าอยากตัดความเกี่ยวข้องกับสกุลเซี่ย เดิมก็ไม่เป็นปัญหาอะไร และหากไม่เต็มใจรั้งอยู่ในสกุลเซี่ยต่อไปจริงๆ พี่สะใภ้ย่อมไม่บังคับให้เจ้ากลับไปเป็นธรรมดา แต่ว่านี่มิใช่เรื่องเล็ก แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงนั้น ถึงพูดว่าแม่สามีเจ้าเอ่ยเรื่องรับอนุ แต่คนยังไม่เข้าเรือนมาเลย หรือต่อให้เข้ามาแล้ว นี่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่พวกเราจะขอหย่าร้างได้ เหนืออื่นใดนี่เป็นการแต่งงานที่ท่านพ่อจัดการให้เจ้าในตอนนั้น มันเกี่ยวพันถึงความสุขสงบทั้งสี่ทิศของเขตแดนแม่น้ำฉางเจียงและทะเลสาบต้งถิงของเรา อยู่ดีๆ พวกเราจะเอ่ยปากกับเขาอย่างไร”
ปัญหากบฏเจ้าแคว้นของทางราชสำนักที่ต่อเนื่องยืดเยื้อมานานหลายปีจนบัดนี้ยังไม่ยุติลงโดยสิ้นเชิง เริ่มต้นขึ้นในสมัยหลิวไทเฮากุมอำนาจ พอเกิดการสู้รบชุลมุนก็ระส่ำระสายไปทุกหย่อมหญ้า บรรดาเจ้าแคว้นต่างๆ บ้างมักใหญ่ใฝ่สูง บ้างถูกความจำเป็นบังคับ ถูกดึงเข้ามาพัวพันต่อๆ กันคนแล้วคนเล่า ครั้งที่มากที่สุดมีรวมกันถึงสิบกว่าแคว้น
สองฟากฝั่งของแม่น้ำฉางเจียงมีกองโจรออกปล้นสะดมมาแต่โบราณ ส่วนทะเลสาบต้งถิงนั้นทิศเหนือติดกับแม่น้ำฉางเจียง ทิศตะวันตกเชื่อมกับลำน้ำเซียง จือ หยวน หลี่สี่สาย รวมถึงแม่น้ำมี่หลัว ทำให้การสัญจรทางน้ำสะดวกไปได้ทุกทิศทางยิ่งเอื้อต่อการเลี้ยงโจร พอภายนอกมีสงคราม เขตทะเลสาบต้งถิงก็เกิดความไม่สงบไปทุกหย่อมหญ้าอย่างไม่หยุดหย่อน
สามปีก่อนอดีตฉางซาอ๋องสังหรณ์ใจว่าตนเองอาจมีชีวิตอยู่บนโลกได้อีกไม่นาน ตอนเขายังอยู่สามารถอาศัยอำนาจบารมีในกาลก่อนกำราบสี่ทิศได้ แต่หากตนเองไม่อยู่แล้วเกิดความชุลมุนวุ่นวาย เกรงว่าสักวันต้องลุกลามมาถึงแคว้นฉางซาในตอนท้าย มู่เซวียนชิงผู้เป็นบุตรชายคงไม่อาจประคับประคองสถานการณ์ไว้ด้วยกำลังคนเดียว
ยามนั้นเซี่ยฉางเกิงในวัยสิบเก้าก็รวบรวมสมัครพรรคพวกพิชิตแม่น้ำฉางเจียงที่ชุกชุมไปด้วยโจรผู้ร้าย ยึดครองพื้นที่ตอนบนของเส้นทางน้ำทั้งหมดจนคุมการขนส่งลำเลียงเสบียงอาหารของราชสำนักไว้ได้
ก่อนหน้านั้นตอนอดีตฉางซาอ๋องกวาดล้างกลุ่มโจรที่ก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านตามลุ่มน้ำแถบพรมแดนแคว้นฉางซามานานปี ก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากเซี่ยฉางเกิง
ตอนทั้งคู่มีโอกาสได้พบหน้ากันคราหนึ่ง ชายหนุ่มที่มีชาติกำเนิดต้อยต่ำหากความสามารถล้ำเลิศ และเป็นคนเคร่งครัดในกฎเกณฑ์ผู้นี้ก็สร้างความประทับใจให้แก่ฉางซาอ๋องอย่างลึกซึ้งแล้ว เขาเชื่อมั่นว่าวันข้างหน้าอีกฝ่ายจะต้องมิใช่คนสามัญธรรมดาเด็ดขาด