ชีฮองเฮาดิ้นขัดขืนสุดชีวิต ถีบสองเท้าสะเปะสะปะจนรองเท้าหลุดกระเด็นไป
แผ่นดินเจริญรุ่งเรือง เฟื่องฟูมั่งคั่งเหลือแสน นางปกครองตำหนักใน มีศักดิ์ฐานะสูงศักดิ์สุดจะเปรียบ เป็นฮองเฮาผู้ประเสริฐที่ผู้คนใต้หล้าแซ่ซ้องสดุดี นางกำลังรื่นรมย์สำราญกับชีวิต ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าฮ่องเต้ที่เพิ่งเซ่นไหว้ไทเฮาด้วยกันต่อหน้าเหล่าขุนนางตอนกลางวัน จู่ๆ จะมุ่งร้ายหมายชีวิตนางอย่างไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้
นางไม่เคยเห็นว่าตนเป็นคนเลว ตลอดเวลาที่ผ่านมานางกตัญญูต่อนายหญิงเซี่ยจากใจจริง มีความรักฝังใจต่อเซี่ยฉางเกิงซึ่งเดิมเป็นพี่เขยผู้เคยมีสัญญาหมั้นหมายกับพี่สาวตนเอง ยอมลดศักดิ์ศรีแต่งเข้าสกุลเซี่ยในฐานะอนุ มีสัมมาคารวะต่อมู่ซื่ออย่างเคร่งครัด ไม่เคยถือตนว่าเป็นคนโปรดของนายหญิงเซี่ยแล้วไม่เคารพนับถือนาง
สาเหตุที่นางลักลอบแพร่งพรายข่าวการเดินทางกลับของสองแม่ลูกให้แก่คนของฉีอ๋องในครั้งนั้น ก็กระทำไปด้วยความเลอะเลือนชั่ววูบเท่านั้น
นางบังเกิดความเสียใจแต่แรกแล้ว ตอนนั้นนอกจากสำนึกตนต่อเบื้องหน้าองค์เทพ หลายปีนี้นางยังทำบุญกุศลมากมายเพื่อชดใช้ความผิด ยามผู้คนเอ่ยถึงชีฮองเฮา มีคนใดไม่รู้สึกเคารพยกย่อง ไม่ชื่นชมสรรเสริญบ้าง
จนบัดนี้ในตอนที่นางลืมเลือนเรื่องนั้นไปแล้ว นางคิดไม่ถึงว่าไทเฮาเพิ่งจากไป ตนเองจะต้องตายตามและถูกฝังไปพร้อมกัน
นางไม่รู้จริงๆ ว่าฮ่องเต้รู้เรื่องนั้นเมื่อไร เมื่อคิดคำนึงว่าที่ผ่านมาเขาเก็บงำความรู้สึกอย่างมิดชิดเฝ้ารอวันนี้ที่ไทเฮาจากไปแล้ว นางก็สะท้านเยือกดุจพลัดตกสู่หุบเหวลึก
ใครๆ ล้วนมีเวลาที่พลั้งพลาดทำผิด หรือว่าเขาไม่เคยมือเปื้อนเลือดสังหารคนมาก่อน
นางไม่สมควรถูกกระทำอย่างโหดร้ายเฉกนี้
ไหนเลยนางจะเต็มใจตายไปเช่นนี้
ทว่านางจะสู้แรงขันทีที่ดุร้ายดุจพยัคฆ์ดั่งสุนัขป่าพวกนี้กับเชือกคร่าวิญญาณที่พันรอบคออยู่ได้เช่นไร
ใบหน้าของนางเปลี่ยนจากสีแดงก่ำเป็นสีม่วงช้าๆ สองตาเบิกถลนเหลือกขึ้นด้านบน มีเลือดออกในตา ลิ้นจุกปาก
เวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชาเต็มๆ ลำคอถูกรัดแทบหัก นางถึงได้หมดลมหายใจ หยุดดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างเปลืองแรงเปล่า ชีพดับสูญอยู่ในตำหนักที่ชั่วขณะก่อนหน้ายังเป็นของนางหลังนี้
ภายนอกตำหนัก ผืนนภาราตรีสลัว ลมเหนือร้องคำราม หิมะปลิวว่อนฟ้า ประหนึ่งมีวิญญาณกำลังร่ำไห้โหยหวน
คืนนั้นหนาวเหน็บเช่นนี้เอง
ราวกับว่าความหนาวเข้ากระดูกนั่นยังมิได้จากไปที่ใดจวบจนเสี้ยวเวลานี้ มันยังจู่โจมใส่มู่ฝูหลัน ชำแรกเข้าสู่ผิวกายนางทีละชุ่นๆ
นางสั่นสะท้านอีกคราอย่างสุดระงับ ลืมตาพรึบมองสบดวงตาที่มองมาของบุรุษข้างตั่งคนงาม
มือข้างหนึ่งของเขาเคลื่อนมาหานางอย่างเนิบนาบ ยังแตะไม่ถูกตัว ทว่านางกลับสัมผัสถึงกลิ่นอายคุกคามที่แผ่มาจากมือข้างนั้นของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน