ฉีอ๋องจ้าวหลงเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้ที่สุดในบรรดาเจ้าแคว้นมากมาย ตอนวัยหนุ่มเขาพำนักอยู่ในเมืองหลวงตลอด หลังหลิวไทเฮากุมอำนาจแล้วความสัมพันธ์กับหมู่เชื้อพระวงศ์ตึงเครียดไป เขาถึงกลับเขตปกครองของตน แต่ยังคงสนับสนุนให้เห็นแก่สันติเป็นที่ตั้ง คอยช่วยเจรจารอมชอมระหว่างหลิวไทเฮากับเจ้าแคว้นทั้งหลายเรื่อยมา นับว่าเป็นผู้ที่มีคนนับหน้าถือตา สองสามปีมานี้หลิวไทเฮายังอนุญาตให้ฉีอ๋องเข้าเมืองหลวงร่วมพิธีบวงสรวงประจำปีที่ศาลบรรพกษัตริย์เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเขา
ด้วยเหตุนี้ชายาฉีอ๋องน่าจะมาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันมานี้เช่นกัน
ไม่เอ่ยถึงความยุ่งเหยิงวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายหลังพวกนั้นในชาติที่แล้ว ช่วงครึ่งปีที่มู่ฝูหลันอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงสมัยวัยเยาว์นั้น ชายาฉีอ๋องมักเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนอาหญิงเสมอ ด้วยทั้งคู่มีไมตรีอันดีต่อกันมาก ยามนั้นนางจึงได้พบกับชายาฉีอ๋องบ่อยๆ ทว่าหลังอาหญิงตายไป นางกลับแคว้นฉางซา นับจากนั้นก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอีก
มู่ฝูหลันใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วบอกให้สาวใช้รับไว้ และฝากให้ผู้ดูแลคนนั้นขอบคุณชายาฉีอ๋องแทน จากนั้นปิดประตูรถม้าแล้วบอกให้สาวใช้เอาไปห่ม ส่วนตนเองกลับไปนั่งพิงในท่าเดิมเฉกเมื่อครู่
ชั่วอึดใจต่อมาประตูวังเปิดออกอย่างเนิบนาบ เสียงขันทีตะโกนลากเสียงยาวๆ ดังมาจากข้างใน “ไทเฮาเสด็จออกจากวัง…”
ไม่ทันสิ้นเสียงขันที กองทหารรักษาพระองค์ซึ่งตั้งแถวอยู่สองฝั่งนอกประตูก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน เหล่านายหญิงตราตั้งก็กุลีกุจอกันลงจากรถม้าคุกเข่ากับพื้นเพื่อต้อนรับ
มาตรว่ามีคนจำนวนมาก แต่ทั้งสี่ทิศเงียบกริบไร้สุ้มเสียง
มู่ฝูหลันลงจากรถม้าคุกเข่าตรงข้างรถม้าตามอย่างคนอื่นๆ นางเห็นหลิวไทเฮานั่งเสลี่ยงหามห้อมล้อมด้วยขบวนเกียรติยศออกมา เมื่อถึงหน้าประตูวังก็มีขันทีประคองไปขึ้นรถม้าพระที่นั่งเทียมอาชาหกตัวคันหนึ่ง
เซี่ยฉางเกิงก็ปรากฏตัวแล้ว เขากับทหารองครักษ์หน่วยหนึ่งขี่ม้านำหน้ารถม้าพระที่นั่งเริ่มออกเดินทาง
ใต้ผืนฟ้าสลัวรางของยามอิ๋นในเหมันตฤดู ริ้วขบวนเดินทางยาวเหยียดนี้เคลื่อนไปตามถนนที่กว้างขวางของเมืองหลวงออกนอกประตูเมืองมุ่งหน้าสู่พระอารามหลวงวัดฮู่กั๋ว
มู่ฝูหลันนั่งหลับตาอยู่ในรถม้าราวกับเข้าฌาน
วัดฮู่กั๋วมีภิกษุตบะแก่กล้า ว่ากันว่าเมื่อสาธยายมนต์ด้วยคำสันสกฤต วิญญาณผู้ล่วงลับก็จะสามารถตัดเวรกรรมละความพยาบาทลงได้
ในภพที่แล้วหลังเซี่ยฉางเกิงได้เป็นฮ่องเต้ เขาสร้างศาลบูชาให้ฮองเฮาคนแรกซึ่งสิ้นชีพด้วยน้ำมือศัตรูของเขาที่ด้านหลังหมู่เจดีย์ในวัดฮู่กั๋ว เพื่อให้เหล่าภิกษุในวัดสวดมนต์ให้นางทั้งวันทั้งคืนส่งวิญญาณไปสู่สุคติ
ทว่าดวงวิญญาณของนางกลับล่องลอยวนเวียนไปมา ไม่อาจหักใจตัดความห่วงหาอาลัยสุดท้ายบนโลกมนุษย์ได้สักที
สิบปีที่วิญญาณของนางยังไม่ไปที่ใด นางมองดูเขาแต่งตั้งให้ตนเองเป็นหยวนโฮ่ว พระราชทานพระสมัญญานามยาวเหยียดอย่างไพเราะเพราะพริ้ง ยังจัดตำหนักแห่งหนึ่งในวังตั้งป้ายวิญญาณของนาง สร้างศาลบูชาให้นางกลางหมู่เจดีย์เพื่อส่งวิญญาณนางไปสู่สุคติ รวมถึงสังหารชีหลิงเฟิ่งในตอนท้าย