จ้าวซีไท่มีอายุมากกว่ามู่ฝูหลันสองสามปี ตอนนางอยู่ในวังหลวง ชายาฉีอ๋องมักพาบุตรชายเข้าวังด้วย แม้บุตรชายของฉีอ๋องจะสุขภาพอ่อนแอแต่เกิด แต่นางจำได้ว่าตอนนั้นร่างกายของเขายังปกติดี แค่ถูกห้ามไม่ให้วิ่งเล่นและกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กทั่วๆ ไปเท่านั้น
มาตรว่าผ่านมานานแสนนานแล้ว แต่นางยังมีภาพของเพื่อนเล่นในวังสมัยวัยเยาว์ผู้นี้ติดอยู่ในความทรงจำ อาจเพราะเขาโดนควบคุมห้ามปรามมากเกินไปตั้งแต่เด็ก จึงส่งผลให้เป็นคนเงียบขรึมไม่ช่างพูด
นางจดจำได้ว่าเขาดีต่อนางมาก เวลาเข้าวังจะมีของเล่นสนุกๆ จากข้างนอกติดไม้ติดมือมาฝากนางเสมอ
เริ่มแรกนางเต็มใจเล่นกับเขาอย่างมาก แต่ต่อมามีครั้งหนึ่งนางเห็นเขาเอาก้อนหินหั่นไส้เดือนบนพื้นเป็นท่อนๆ ในพระราชอุทยาน ซ้ำยังดูชอบอกชอบใจที่เห็นไส้เดือนดิ้นทุรนทุรายเสียด้วยซ้ำ
เหตุการณ์นี้ติดตาฝังใจจนนางหวาดกลัวอยู่บ้าง ภายหลังก็ไม่ค่อยคลุกคลีกับเขาแล้ว
ต่อมาหลังจากนั้นพออาหญิงตายไป นางกลับแคว้นฉางซาแล้ว ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอีกนับแต่นั้น
นางได้ข่าวคราวของเขาครั้งสุดท้ายเมื่อชาติก่อนคือเขาถูกเซี่ยฉางเกิงจับเป็นตัวประกันและจบชีวิตก่อนนาง
มู่ฝูหลันเห็นชายาฉีอ๋องมองตนเองอยู่ นางพยักหน้า “ช่วงที่ผ่านมานี้ท่านเฒ่าโอสถพักอยู่ที่ทะเลสาบต้งถิงจริงๆ ทว่าเขาชอบเดินทางไปที่อื่นบ่อยๆ ก่อนข้าเข้าเมืองหลวงมาเขาก็ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาวันใดเจ้าค่ะ”
ชายาฉีอ๋องตาเป็นประกาย นางเอ่ยถามรัวเร็ว “ขอแค่ยืนยันข่าวนี้ได้เป็นพอ ท่านหญิง ข้าได้ยินว่าเฒ่าโอสถหลี่ผู้นี้มีฉายาว่าหมอเทวดา ไม่ว่าโรคภัยไข้เจ็บใดก็สามารถรักษาหายได้เป็นปลิดทิ้ง นี่จริงหรือเท็จ”
มู่ฝูหลันมองสบสายตาที่มองตนเองอย่างวาดหวังของชายาฉีอ๋องแล้วส่ายหน้า
“ขอพูดโดยไม่ปิดบังเจ้าค่ะ ข้าได้เล่าเรียนศาสตร์แห่งโอสถจากเฒ่าโอสถมาบ้างตอนเยาว์วัย เขาเป็นอาจารย์ของข้าเอง อาจารย์บอกเสมอว่าโลกนี้ไม่มีหมอเทวดาที่รักษาได้หมดทุกโรค แล้วเขาก็เป็นหมอพเนจรสามัญธรรมดาผู้หนึ่ง มิใช่หมอเทวดาที่ใด ได้รับฉายาที่ไม่คู่ควรกับตนนี้เขารู้สึกละอายแก่ใจนัก”
ชายาฉีอ๋องมิได้เอ่ยถึงบุตรชาย มู่ฝูหลันก็ไม่ไต่ถาม เพียงคิดถึงว่าชาติก่อนจ้าวซีไท่เพื่อนเล่นวัยเยาว์คนนี้พบกับจุดจบที่ไม่ดีไปกว่าตนเองเท่าไรจึงบังเกิดความรู้สึกว่าชะตาชีวิตคนเราช่างพลิกผันไม่แน่นอน นางก็เอ่ยขึ้น “หากมีคนที่ต้องการเสาะหาหมอมารักษาโรค รอวันหลังอาจารย์กลับมาแล้ว พระชายาลองพาไปให้ท่านตรวจดูก็ไม่เสียหาย ไม่ว่าจะรักษาหายหรือไม่ อาจารย์ที่ยึดมั่นในคุณธรรมของผู้เป็นแพทย์ย่อมต้องพยายามสุดความสามารถเป็นแน่เจ้าค่ะ”
หลายปีก่อนชายาฉีอ๋องเห็นบุตรชายเจริญวัยขึ้นเรื่อยๆ ทว่ากลับสุขภาพไม่ดีมาโดยตลอด นางร้อนใจอยากหาคู่ครองให้บุตรชายได้เป็นฝั่งเป็นฝา จึงหลงเชื่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘หมอเทวดา’ ใช้ยาฤทธิ์แรง แรกๆ อาการป่วยทุเลาลงจริงๆ คาดไม่ถึงว่าผ่านไปไม่นานจะกำเริบเฉียบพลัน ซ้ำร้ายยังรุนแรงกว่าเก่า หมอเทวดาผู้นั้นเห็นว่าตนก่อเรื่องขึ้นแล้วก็หลบหนีไปในราตรีนั้นเลย ชายาฉีอ๋องทั้งโกรธแค้นทั้งเสียใจ สองสามปีนี้ได้แต่เชิญหมอหลวงมาช่วยฟื้นฟูร่างกายให้บุตรชาย
พักก่อนนางได้ยินชื่อหมอเทวดาเฒ่าโอสถหลี่ จิตใจเริ่มหวั่นไหว หลังจากเข้าเมืองหลวงได้รู้ว่าธิดาของฉางซาอ๋องอยู่ที่นี่พอดี เมื่อเช้านางถึงตั้งใจแสดงไมตรีเพื่อสืบข่าวจากอีกฝ่าย
ทีแรกนางยังเปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ตอนนี้พอได้ยินมู่ฝูหลันพูดเช่นนี้ นางก็รู้สึกผิดหวังโดยพลัน