หมอหลวงรักษาโรคของบุตรชายไม่หาย ช่วงที่ผ่านมานางได้พบเจอ ‘หมอเทวดา’ มามากเท่าไรก็สุดรู้ ตอนท้ายนอกจากจะเปล่าประโยชน์ กลับทำให้อาการของบุตรชายนับวันยิ่งทรุดลง เก้าในสิบคนน่าจะเป็นหมอพเนจรในยุทธภพที่มีชื่อเสียงจอมปลอม คงเคยรักษาอาการปวดหัวตัวร้อนให้พวกคนยากจนข้นแค้นแล้วถูกยกย่องจนโด่งดังขึ้นมา
ถึงจะผิดหวัง แต่ชายาฉีอ๋องก็ไม่อยากเอ่ยเรื่องบุตรชายตนเองอ่อนแออมโรคกับมู่ฝูหลัน นางพูดตอบอย่างกำกวม “แค่ฉุกคิดขึ้นได้เลยสบช่องถามท่านดูเท่านั้น ข้ารู้แล้ว วันหลังหากมีความจำเป็นก็จะไปหาเขา”
ท่าทีของชายาฉีอ๋องเปลี่ยนไป มีหรือมู่ฝูหลันจะดูไม่ออก
กระนั้นสิ่งที่นางพูดก็เป็นความจริง
เฒ่าโอสถไม่เคยยกตนเป็นหมอเทวดา ประโยคที่เขาพูดกับมู่ฝูหลันบ่อยที่สุดก็คือวิชาแพทย์เป็นศาสตร์อันลึกล้ำมหัศจรรย์ ยิ่งศึกษาลึกซึ้งยิ่งรู้สึกตนปัญญาตื้นเขิน เขาทุ่มเทกายใจทั้งชีวิตเพื่อรักษาโรคประหลาดหายากนานาสารพัดเท่านั้น
หญิงสาวก็ไม่เปิดโปงอีกฝ่าย นางนั่งต่ออีกชั่วครู่รอสาวใช้หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์มาแล้วส่งคืนให้ กล่าวขอบคุณชายาฉีอ๋องอีกหนก่อนลุกขึ้นกล่าวลา
ไหนเลยชายาฉีอ๋องจะไม่ล่วงรู้ว่าหลิวไทเฮาไม่เป็นมิตรกับสกุลมู่ของแคว้นฉางซา แม้ว่ามู่ฝูหลันจะแต่งงานกับเซี่ยฉางเกิงแล้ว ทั้งเพลานี้ดูท่าทางจะเป็นที่โปรดปรานของไทเฮา แต่เรื่องในวันหลังใครจะบอกได้แน่ชัด ที่มาหานางก็แค่สอบถามข่าวคราวของหมอเทวดา ตอนนี้ถามจบแล้วรู้สึกผิดหวัง เห็นนางกล่าวลาก็ไม่คะยั้นคะยอรั้งตัวไว้อีกเป็นธรรมดา
ด้วยเหตุนี้ชายาฉีอ๋องจึงคลี่ยิ้มลุกขึ้นจะออกไปส่งหญิงสาวด้วยตนเอง แต่มู่ฝูหลันพูดทัดทานนางอย่างสุภาพอ่อนน้อม จากนั้นพาสาวใช้กลับไปยังที่พักผ่อนของตน
วันนี้มีนายหญิงตราตั้งติดตามหลิวไทเฮามาปฏิบัติธรรมจำนวนไม่น้อย ถึงในวัดจะกั้นบริเวณส่วนหนึ่งเป็นห้องพักผ่อนของผู้มาไหว้พระโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับคนมากปานนี้ จึงจัดห้องทำสมาธิที่ว่างอยู่เป็นห้องรับรองเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
ที่พักผ่อนของมู่ฝูหลันอยู่ห่างจากของชายาฉีอ๋องไปอีกฝั่งหนึ่งของกำแพง นางต้องเดินผ่านประตูโค้งเข้าไป
ขณะสาวเท้าไปตามทางเดินกำลังจะก้าวเข้าประตู นางพลันเห็นเฉาจินยืนค้อมกายสนทนากับเซี่ยฉางเกิงด้วยหน้าตายิ้มแย้มอยู่ตรงหัวมุมกำแพงไกลๆ
พวกเขาต่างคนต่างมีผู้ติดหน้าตามหลังหลายคน น่าจะเจอกันโดยบังเอิญตรงนี้เลยหยุดพูดคุยเรื่องงานกัน
มู่ฝูหลันบังเกิดความคิดหนึ่ง นางบอกให้สาวใช้รออยู่ด้านหลังแล้วแอบเดินเลี้ยวไปที่หลังซุ้มประตูบานนั้น อาศัยกอไผ่ที่ปลูกอยู่ใกล้ๆ อำพรางกาย จับตามองสองคนนั้น
ตอนที่เข้าไปในวังหลวงสองสามครั้งก่อนหน้านี้ นางมักได้พบเฉาจิน แต่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นสองคนนี้พบหน้ากัน
ระยะห่างไม่นับว่าใกล้นัก นางจับความไม่ถนัดว่าพวกเขาพูดอะไร…แน่นอนว่าต่อให้มีเรื่องสำคัญจริงๆ ด้วยความสุขุมรอบคอบของเซี่ยฉางเกิง เขาไม่มีทางบอกข่าวในสถานที่เช่นนี้ อีกทั้งนางไม่ได้อยากฟังว่าคนคู่นี้คุยอะไรกันอยู่
นางอยากจับสังเกตแววตาและสีหน้ายามพวกเขาสนทนากันต่างหาก
เซี่ยฉางเกิงหันหลังให้ ส่วนขันทีนามเฉาจินหันหน้ามาทางนี้ ดังนั้นนางจึงมองเห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง