เขามองดูดวงหน้างามสะคราญล้ำเหลือที่ทั้งคล้ายคลึงกับความทรงจำวัยเยาว์ของตนทั้งเปลี่ยนไปจนเขาแทบไม่กล้าทักทายในชั่วพริบตาแรกแล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มซับสีแดงระเรื่อเหมือนยังไม่เลือนหายไปจากตอนไอเมื่อครู่นี้
“เมื่อเช้าเห็นท่าน ข้าก็มีเรื่องหนึ่งอยากอธิบายกับท่านแล้ว ครั้งนั้นตอนท่านไปจากเมืองหลวง ข้าไม่ได้ตั้งใจไม่ไปส่งท่าน ข้ารู้ว่าท่านจากไปแล้ว ข้าอยากไปส่ง แค่ว่า…”
แค่ว่าตอนนั้นมารดาไม่อนุญาตให้เขาตามไปส่งเพื่อนเล่นที่วังหลวงในวันวาน เด็กหญิงตัวน้อยที่ยิ้มนัยน์ตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
เพราะเขาสุขภาพไม่ดี จึงถูกมารดาควบคุมอย่างเข้มงวด นี่ก็ห้ามทำ นั่นก็ห้ามแตะต้อง เป็นเหตุให้เขาไม่มีเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็ก ทุกๆ คนล้วนพินอบพิเทาต่อเขาแต่ไม่มีใครเล่นด้วย มิหนำซ้ำพอเห็นเขาเดินผ่านมายังถอยห่างมากขึ้น หวาดหวั่นสุดใจว่าถ้าเกิดเขาไม่สบายตรงที่ใดขึ้นมาอีกพวกเขาจะพลอยเดือดร้อน
มีแต่นางที่ไม่หลบและยอมเล่นกับเขา
เขาชอบอยู่กับนางไม่ว่านางทำอะไรก็ตาม จะคัดลายมือเงียบๆ หรือนั่งโล้ชิงช้าอยู่ในพระราชอุทยาน เขาสามารถซ่อนตัวอยู่ด้านข้างคอยแอบมองนางได้นานๆ อย่างไม่รู้เบื่อ
จ้าวซีไท่หยุดเว้นจังหวะ
“ตอนนั้นพอดีข้าป่วยขึ้นมาอีก กว่าจะหายดีท่านก็จากไปแล้ว ท่านไม่ตำหนิโทษข้ากระมัง” เขาเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เรื่องราวสมัยวัยเยาว์ในครั้งกระโน้น ซ้ำเป็นเหตุการณ์เล็กๆ ที่ไม่ควรค่าให้พูดถึง ถ้ามิใช่เขาเอ่ยขึ้นมา นางก็จำไม่ได้แล้ว
นางอาจไม่มีความแค้นเคืองกับบุตรชายของฉีอ๋องซึ่งถูกดึงเข้ามาในศึกชิงอำนาจอันโหดร้ายจนต้องจบชีวิตลงเฉกเดียวกับตน และถึงขั้นถ้าตอนนี้เขาเอ่ยปากถามเรื่องหมอรักษาโรค นางก็สามารถพาเขาไปหาเฒ่าโอสถได้ แต่นางปราศจากความคิดจะรำลึกความหลังเนิ่นนานที่ไม่มีความหมายเหล่านั้นกับเขาจริงๆ
“เรื่องเล็กน้อยเมื่อนานมาแล้ว ข้าลืมไปหมดสิ้น ซื่อจื่อไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจอีก” นางกล่าวเสียงเรียบ
จ้าวซีไท่เพ่งมองนาง
“ท่านหญิง ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านเป็นอย่างไรบ้าง สองสามปีก่อนข้าได้ยินว่าท่านพ่อของท่านยกท่านให้โจรร้ายแซ่เซี่ย…”
เสียงกระแอมกระไอเบาๆ ดังขึ้นใกล้ๆ กะทันหัน
“เป็นจ้าวซื่อจื่อเองหรือนี่ เมื่อครู่พบกับผู้บัญชาการเซี่ยทางนั้น ได้ยินเสียงดังทางนี้ กลัวจะทำให้ไทเฮาระคายพระทัยเลยเดินมาดู ที่แท้ก็เป็นซื่อจื่ออยู่ที่นี่เอง ได้ข่าวว่าท่านมาถึงเมืองหลวงเมื่อสองสามวันที่แล้ว วันนี้ได้พบเจอกันที่นี่ช่างบังเอิญดีแท้ เฉาจินขอคารวะซื่อจื่อขอรับ”
ขันทีนามเฉาจินคนนั้นสาวเท้าเข้ามาแสดงคำนับต่อจ้าวซีไท่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นหันไปทางมู่ฝูหลัน เรียกขานเสียงอ่อนน้อม “ท่านหญิง”
มู่ฝูหลันแสร้งทำท่าเพิ่งเห็นเขาแล้วเหลือบตามองไปทางข้างหลังเขาปราดหนึ่ง
เซี่ยฉางเกิงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินเข้ามา
จ้าวซีไท่ได้ยินว่าเซี่ยฉางเกิงก็อยู่ด้วย จึงชะงักไปนิดหนึ่งก่อนเบนสายตาไปมอง เขาหน้าเจื่อนลงน้อยๆ อย่างสุดระงับ