จางปันตะลึงงัน รอยกรุ้มกริ่มบนหน้าเลือนหายไปฉับพลัน สองตาจ้องมู่ฝูหลันเขม็ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดสุดจะเปรียบ
“มู่ซื่อ คำกล่าวนี้ของท่านเป็นความจริง?”
มู่ฝูหลันพยักหน้า “จริงแท้แน่นอน! ข้าเคยได้ยินเขาละเมอหลุดปากพูดเรื่องก่อกบฏ ถ้ามิใช่กลางวันคิด กลางคืนจะเก็บไปฝันได้ฉันใด เขามักใหญ่ใฝ่สูง มีหรือจะยินยอมอยู่ใต้อำนาจคนอื่น โดนควบคุมบงการตลอดไป แต่ถึงข้าไม่ได้ยินเขาพูดละเมอโดยบังเอิญ ทว่าผู้มีสายตาเฉียบแหลมเฉกท่านมุขมนตรีจางก็คงประจักษ์แจ้งแก่ใจดี”
จางปันกับเซี่ยฉางเกิงนั้นคนหนึ่งดูแลงานในราชสำนัก คนหนึ่งประจำการอยู่นอกราชสำนัก ล้วนแต่เป็นคนที่หลิวไทเฮายกให้เป็น ‘มือขวาคู่พระทัย’ ยามนี้เซี่ยฉางเกิงมีอำนาจเพิ่มขึ้นมากจนมีทีท่าว่าจางปันจะหมดความโปรดปราน ด้วยนิสัยใจคอของเขาเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่รู้สึกโอนเอนแม้แต่น้อยนิด
นางเห็นจางปันไม่เปล่งวาจา จึงกล่าวต่อไป “ความตั้งใจแรกของท่านพ่อที่ยกข้าให้เซี่ยฉางเกิงในครั้งนั้นก็เพื่อหาพันธมิตรให้แคว้นฉางซา ไหนเลยจะคิดว่าเขากลับเป็นคนแล้งน้ำใจ ทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ตนเองก้าวขึ้นเป็นใหญ่ เคยคำนึงถึงแคว้นฉางซาของพวกข้าสักเศษเสี้ยวเมื่อไรกัน แคว้นฉางซาแค่ต้องการปกป้องตนเอง แทนที่จะอาศัยเขา มิสู้พึ่งบารมีของท่านมุขมนตรีจางเสียดีกว่า หากท่านช่วยให้ข้ารอดพ้นไปได้ ไม่ต้องอยู่เป็นตัวประกันที่เมืองหลวง ข้าเต็มใจช่วยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเซี่ยฉางเกิง เมื่อพบหลักฐานแน่นหนาก็จะมอบให้ท่านทันที”
ใบหน้าของจางปันดูคล้ายสงบนิ่งไร้รอยกระเพื่อมใด หากแต่ความคิดในหัวพลิกตลบไปมามากเพียงไรก็สุดรู้แต่แรก
ชั่วเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปีเซี่ยฉางเกิงไต่เต้าก้าวหน้าอย่างพุ่งพรวดรวดเร็ว ซ้ำยังสร้างความชอบครั้งแล้วครั้งเล่า บัดนี้นับวันก็ยิ่งเป็นที่โปรดปรานของหลิวไทเฮามากขึ้น ย่อมคุกคามต่อฐานะของเขา จางปันอาจไม่แสดงออกทางสีหน้าใดๆ ยามทั้งคู่พบหน้ากันก็กลมเกลียวปรองดองกันดี ทว่าในใจเริ่มร้อนรนไม่เป็นสุข ถึงขั้นริษยาเกลียดชังอย่างยิ่งมานานแล้ว
ตอนต้นปีนี่เองเขาเคยลอบยุยงให้ขุนนางใหญ่คนหนึ่งไปแจ้งหลิวไทเฮา ชี้เป็นนัยๆ ว่าเซี่ยฉางเกิงมีกำลังที่จะก่อกบฏได้ และพูดเตือนให้ไทเฮาระวังป้องกันมากขึ้น ไม่คิดว่านอกจากไทเฮาจะไม่คล้อยตาม ยังลงโทษคนผู้นั้นฐานปรักปรำแม่ทัพนามกระเดื่อง นับแต่นั้นในราชสำนักก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงอีกสักครึ่งคำ
จางปันเพียงคับข้องใจที่ตนเองไม่อาจหาหลักฐานก่อกบฏของเซี่ยฉางเกิงมาโดยตลอด วันนี้จู่ๆ โอกาสก็มาถึงเช่นนี้
มู่ซื่อเป็นคนข้างหมอนของเซี่ยฉางเกิง ต่อให้เซี่ยฉางเกิงจะระแวดระวังตัวปานใดก็ไม่มีทางคิดว่านางเป็นคนของเขา
ด้วยสภาพการณ์ของแคว้นเล็กขุมกำลังอ่อนแอที่ต้องยืมจมูกผู้อื่นหายใจเฉกแคว้นฉางซาในขณะนี้ ประกอบกับเซี่ยฉางเกิงที่ฝากความหวังไม่ได้ ถ้าเขายอมยื่นมือช่วยเหลือในเวลาอย่างนี้ อีกฝ่ายย่อมต้องยินดีอย่างยิ่งยวดเป็นแน่ คะเนว่ามู่ซื่อผู้นี้คงมิกล้าถีบหัวเรือส่ง เห็นตนเป็นพวกโฉดเขลายอมให้หลอกใช้เปล่าๆ หากสามารถใช้ประโยชน์จากนาง ให้เป็นสายสืบที่แทรกซึมอยู่ใกล้ตัวเซี่ยฉางเกิง วันหลังได้หลักฐานอะไรที่มัดตัวเซี่ยฉางเกิงได้จริงๆ เมื่อนั้นค่อยฟ้องร้องกับหลิวไทเฮา ไยต้องวิตกว่านางจะไม่เชื่อ
จางปันสะกดความตื่นเต้นพลุ่งพล่านในอกไว้ เผยรอยยิ้มบนหน้าช้าๆ
เขามองมู่ฝูหลันพร้อมกับพยักหน้า
“มู่ซื่อ เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ ต่อไปนี้เรื่องของแคว้นฉางซาก็คือเรื่องของข้าจางปัน ส่วนปัญหาในตอนนี้ของท่าน ข้าย่อมจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ดุจเดียวกัน”