แต่บัดนี้เพราะถ้อยคำของภิกษุรูปนี้ ความหวังบางอย่างที่แม้จะแสนริบหรี่ได้ครอบงำจิตใจของนางไว้ ดูท่าทางคล้ายว่ามันยังคงอยู่ต่อไปได้ ชั่วพริบตานี้นางตื้นตันใจจนแทบน้ำตารินแล้ว
นางสะกดอารมณ์ที่แผ่ซ่านไปทั้งอกนี้ไว้ กล่าวขอบคุณภิกษุรูปนั้นแล้วตามเขาไปที่หมู่เจดีย์หลังเขา
ภิกษุเดินนำทางพลางเล่าความเป็นมาของเด็กคนนั้นให้นางฟัง
เด็กชายผู้นั้นเป็นเด็กกำพร้า ลืมตาดูโลกได้ไม่นานก็ถูกทิ้งไว้ตรงหมู่เจดีย์หลังเขาพร้อมแผ่นดวงแปดอักษร อยู่บนตัว บอกว่ามีชะตาเป็นกาลกิณีพิฆาต คาดว่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเขาหวาดกลัวว่าเด็กคนนี้จะนำพาความโชคร้ายและเภทภัยมาสู่ตนถึงนำเขามาทิ้งไว้ พระอาจารย์ใหญ่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเขาก็เลยเก็บมาเลี้ยงไว้ข้างตัวหลังจากนั้น
ภิกษุบอกว่าเด็กคนนั้นใกล้จะสามขวบแล้วยังไม่ค่อยยอมอ้าปากพูด แต่พระอาจารย์ใหญ่เอ็นดูเขาเป็นอันมาก และไม่รู้ด้วยเหตุใดเหมือนจะให้ความสำคัญกับเขาเป็นพิเศษ ถึงขั้นแหวกกฎเรียกเขาเป็นลูกศิษย์ ซึ่งนับตามศักดิ์แล้วเทียบเท่ากับท่านเจ้าอาวาสเลยทีเดียว กระนั้นก็ไม่เคยทำพิธีปลงผมบวชพระให้ เพียงพูดว่า ‘เด็กคนนี้ยังติดอยู่ในบ่วงกรรมทางโลก’
หลังอุปถัมภ์เลี้ยงดูเขาไม่นาน พระอาจารย์ใหญ่ก็พูดสำทับเขาไว้เช่นนี้
ภาพที่เด็กคนนั้นเหลียวหลังมามองตนเองตอนเย็นเมื่อวานปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของหญิงสาวซ้ำอีกครั้ง พาให้หัวใจเต้นแรงขึ้นเป็นคำรบที่สองอย่างห้ามไม่อยู่
“ถึงแล้ว ที่นี่ก็คือหมู่เจดีย์ พระอาจารย์ใหญ่อยู่ข้างใน สีกาเดินเข้าไปตามทางได้เลย”
ภิกษุหยุดฝีเท้าชี้ทางเดินปูหินสายหนึ่งข้างหน้า จากนั้นประนมมือคำนับมู่ฝูหลันแล้วหมุนกายจากไปทันที
มู่ฝูหลันสาวเท้าเอื่อยๆ ผ่านสถูปเจดีย์ข้างทางที่ขรึมขลังองค์แล้วองค์เล่ามุ่งหน้าสู่หมู่เจดีย์ลึกเข้าไป สุดท้ายตอนเดินถึงข้างเจดีย์องค์หนึ่ง นางชะลอฝีเท้าลงหยุดยืนมองภาพเบื้องหน้าที่ทำให้นางลืมหายใจ
ท่ามกลางหมู่เจดีย์ห่างไปไม่ไกล ภิกษุชราหนวดเคราขาวโพลนรูปหนึ่งอยู่กับเด็กน้อยคนหนึ่ง พวกเขาถือไม้กวาดคนละอันกำลังกวาดเศษใบไม้บนพื้นรอบหมู่เจดีย์
เด็กน้อยรวบผมขึ้นเป็นมวยเดี่ยวเล็กๆ กลางกระหม่อม สวมจีวรตัวเก่าที่แก้ให้เล็กลง ถือไม้กวาดอันเล็กในมือกวาดพื้นทีแล้วทีเล่าตามอย่างภิกษุชรา
ใบหน้าของเขาอ่อนเยาว์ ทว่าอากัปกิริยาเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังสุดจะเปรียบ พื้นด้านหลังเขาถูกกวาดจนสะอาดสะอ้าน ไม่มีใบไม้หล่นอยู่สักใบเดียว
มู่ฝูหลันแลมองเด็กน้อยตรงหน้าโดยไม่กะพริบตา ความรู้สึกใกล้ชิดอันแสนคุ้นเคยซึ่งมีเพียงนางผู้เดียวจึงจะรู้ได้ก็เอ่อท้นขึ้นมา
ในเสี้ยวเวลานี้เอง หัวใจที่เหมือนโดนเชือดเฉือนจนแหว่งวิ่นนับแต่แรกที่นางลืมตาแล้วพบว่าตนเองฟื้นคืนมา พลันกลับมาครบสมบูรณ์อีกคราด้วยความรู้สึกยินดีเจียนคลั่งระคนสุขใจอย่างเหลือเชื่อ
นางรู้ เขาก็คือซีเอ๋อร์ของนาง
เขากลับชาติมาเกิดใหม่ หวนคืนมาอยู่เคียงข้างนางเฉกเช่นที่เคยบอกนางไว้ในอดีต
ดวงตาทั้งคู่ของนางแดงก่ำ ลำคอตีบตัน อยากจะวิ่งเข้าไปกอดร่างเล็กๆ ของเขาไว้ในอ้อมอกเดี๋ยวนี้แล้วไม่ปล่อยมืออีก นางจะบอกเขาว่าตนคือมารดาของเขา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่พรากจากกันอีก นางจะปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถจวบจนเขาเติบใหญ่และเริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่ของตัวเขาเอง