บทที่ 4
ครั้นสองคนนั้นที่โผล่ออกมาจากใต้ดินเห็นกวนอวิ๋นซีเข้าก็กำดาบยักษ์เล็งมาที่นางทันที
ฉู่เหิงจือหลบอยู่ในที่ลับ จ้องสองคนนั้นอย่างไม่วางตาพลางลอบเดินพลัง ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามลงมือ เขาก็จะเข้าโจมตีทันที
เดิมทีควรจะเป็นการเผชิญหน้าที่ตึงเครียด แต่ก็ไม่รู้ว่าสตรีนางนั้นกล่าวอะไรกับสองคนนั้น จู่ๆ ก็พบว่าพวกเขาเก็บดาบลง กำหมัดคารวะนางด้วยรอยยิ้ม ฉู่เหิงจือมองภาพนั้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
กวนอวิ๋นซีหันหน้ามา จู่ๆ ก็โบกมือมาทางเขา ฉู่เหิงจือจึงต้องเดินไปหา
เขาเดินขึ้นหน้ามา ฝ่ายตรงข้ามก็มองตรวจสอบ กวนอวิ๋นซีไม่รอให้เขาได้เอ่ยปากนางก็เแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
“สองคนนี้คือโซ่วโหวและพั่งหู่ พวกเขาสองพี่น้องมีฝีมือยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขา ลงทะเล ปีนต้นไม้ หรือกระโดดลงแม่น้ำ ความเร็วไม่มีใครเทียบได้ บนพื้นดินพวกเขาวิ่งเร็วปานลมกรด พอลงน้ำก็กลายเป็นมังกรคะนองน้ำ ทรงอำนาจไปทั่วทุกหัวระแหง”
ครั้นสองพี่น้องได้รับคำชมเชยจากสตรีงดงามนางนี้ก็แสดงท่าทางถ่อมตนออกมา ทว่ากลับเบิกบานใจยิ่งนัก รีบกำหมัดคารวะอีกครา
“ชมเกินไปแล้ว…ชมเกินไปแล้ว”
กวนอวิ๋นซีชี้ไปทางฉู่เหิงจือ “ท่านนี้เป็นจอมยุทธ์ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว เขามีนามว่า ‘คุณชายเถี่ยซั่น’ พวกเจ้าต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนี้เป็นแน่”
ครั้นสองพี่น้องได้ฟังก็คารวะด้วยสีหน้าเลื่อมใสทันที
“คุณชายเถี่ยซั่น ได้ยินชื่อเสียงมานาน…ได้ยินชื่อเสียงมานาน”
ฉู่เหิงจือทำได้เพียงฝืนยิ้มตอบกลับไปพลันเหลือบมองนาง เห็นนางอมยิ้มพลางเอ่ยว่า “อย่ามองเขาเป็นคนนอกเลย เรียกพี่เถี่ยซั่นแล้วกัน ดูใกล้ชิดหน่อย”
ครั้นสองพี่น้องฟังแล้วจึงเปลี่ยนคำเรียกทันที “พี่เถี่ยซั่น”
“…” เขากำมือคารวะตอบพลางฝืนยิ้มต่อไป
โซ่วโหวเอ่ยว่า “เพื่อไม่ให้เสียเวลา พวกเราสองพี่น้องจะนำทาง น้องเฟยอิง พี่เถี่ยซั่น เชิญทางนี้”
“รบกวนพวกเจ้าด้วย” กวนอวิ๋นซีคารวะตอบพลางขอบคุณ
โซ่วโหวและพั่งหู่สองพี่น้องหมุนกายนำทางไป กวนอวิ๋นซีและฉู่เหิงจือเดินตามอยู่ด้านหลัง รอให้ห่างกันสักเล็กน้อยฉู่เหิงจือก็ก้มหน้ากระซิบถามข้างหูนาง
“น้องเฟยอิง?”
กวนอวิ๋นซีชี้มาที่ตนเองพลางขยิบตา กระซิบเอ่ยว่า “ก็คือข้าอย่างไรเล่า”
“ไยเจ้าจึงชื่อเฟยอิง แล้วข้าคือเถี่ยซั่น?”
“เพราะข้าชอบนกอินทรีที่โบยบินอยู่บนฟ้าก็เลยชื่อว่าเฟยอิงส่วนท่านก็ชื่นชอบพัดเป็นชีวิตจิตใจ ข้าก็เลยช่วยท่านตั้งชื่อเป็นเถี่ยซั่นท่านคงพอใจกระมัง”
ท่าทางเขาดูพอใจหรือ ทั้งนางยังเอ่ยราวกับว่าเขาหลงใหลพัดอย่างไรอย่างนั้น
“เมื่อพูดถึงพัด ข้าอยากถามเจ้าว่าพัดที่เจ้าแย่งข้าไปเมื่อครั้งก่อนเล่า” ไม่เห็นว่านางจะพกติดตัวมาด้วยเลย
“ข้าให้คนทำกล่องเก็บสมบัติเพื่อเก็บรักษาอย่างดีแล้วก็เก็บพัดไว้ด้านใน” นางหัวเราะคิกๆ พัดเล่มนั้นเป็นจุดอ่อนของเขา นางไม่มีทางคืนให้หรอก!
เขาเหลือบมองรอยยิ้มเอาอกเอาใจของนางแล้วโพล่งออกไปประโยคหนึ่ง “เก็บรักษาแทนข้าให้ดี ห้ามทำหายเด็ดขาด”
“วางใจได้ ข้าถือว่ามันเป็นยันต์คุ้มภัย เป็นดั่งสมบัติล้ำค่า!”
ครั้นนางเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าจะเอาคืน นางก็ตบอกรับรองทันที โดยไม่รู้สักนิดว่าลักยิ้มของนางนั้นมีเสน่ห์งดงามจนตรึงใครบางคนเอาไว้ นางไม่มีจริตของบุตรสาวขุนนางเลย กลับมีท่วงท่าสบายๆ ตรงไปตรงมาซึ่งทำให้คนอยากเข้าใกล้จนอดยิ้มไม่ได้
มีสองพี่น้องโซ่วโหวและพั่งหู่คอยนำทาง ตลอดทางนี้พวกเขาก็ไม่พบเจอกับดักอีก