ฉู่เหิงจือรู้สึกทำตัวไม่ถูก เขาก้มหน้าลงมองนาง เดิมทีนึกว่าจะเห็นนางเป็นเช่นเดียวกัน แต่กลับผิดคาด เขาเห็นดวงหน้าน้อยๆ นั้นจ้องตาข่ายเหล็กอย่างใจจดใจจ่อราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
กวนอวิ๋นซีรู้สึกคาดไม่ถึงอย่างมาก นางจำได้ว่าที่นี่ไม่ได้วางตาข่ายเหล็กไว้ หรือว่าหลังจากที่นางตายไปแล้วน้องรองและน้องสามจะเพิ่มกับดักขึ้นมาใหม่?
นางจ้องไปที่ตาข่ายเหล็กนั่นแล้วก็พบว่าด้านบนยังแขวนหนามเล็กๆ เอาไว้จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
หากเมื่อครู่ถูกขังเอาไว้ด้านในก็จะถูกหนามตำร่างกายแทงไปบนเนื้อหนัง คนที่อยู่ภายในถ้ายิ่งดิ้นรนผิวหนังก็จะยิ่งฉีกขาด
แววตานางหม่นลง นี่เป็นความคิดของใครกันแน่
ฉู่เหิงจือสังเกตได้ว่านางจ้องตาข่ายเหล็ก สีหน้าดูผิดปกติจึงกระซิบถาม “มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือ”
“กับดักนี้เพิ่มขึ้นมา แต่ก่อนไม่มี” นางเอ่ย
เขาตะลึงชั่วครู่ ชี้ไปที่เชือกเส้นนั้นที่สามารถทำให้สะดุดได้ “เส้นนั้นเล่า เพิ่มขึ้นมาเหมือนกันหรือ”
“ไม่ใช่ อันนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว…” กวนอวิ๋นซีชะงักโดยพลัน ดวงตาเหลือบไปมองด้านข้าง สบกับเขาพอดี
“ที่แท้เจ้าก็รู้ว่าตรงนั้นมีกับดัก” น้ำเสียงของเขาแฝงความนัยไว้
นางร้องจุ๊ๆ อย่างประหลาดใจ “ไยท่านสวมหน้ากากแล้วยังมองเห็นอย่างชัดเจนเช่นนั้นเล่า”
ยามนี้นางจะมาถกเถียงปัญหาเรื่องหน้ากากหรือ ควรจะมาถกปัญหาที่ว่านางรู้แต่ไม่ยอมบอกกล่าวกระมัง!
ฉู่เหิงจือถลึงตาใส่นางด้วยโทสะที่พุ่งพรวด “เจ้า…”
“ชู่!” นางปิดปากและผลักเขาล้มลงในทันใด
ดวงตาเบื้องหลังหน้ากากนั้นถลึงมองสตรีที่ผลักตนเองจนล้มลง นางนอนทับอยู่บนแผ่นอกเขา ลมหายใจของนางเข้ามาใกล้อย่างคลุมเครือ ทว่านางกลับเตือนเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บอกเขาว่าอย่าส่งเสียง
ครานี้ร่างของคนทั้งสองแนบชิดกัน ร่างของนางทับร่างเขา แล้วมือของเขาก็ยังโอบเอวนางอยู่ ท่วงท่าที่คลุมเครือเช่นนี้ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
ฉู่เหิงจืออยากจะลุกขึ้น ทว่ากลับถูกนางทับไว้จนขยับไม่ได้
ถึงขนาดที่นางถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “ยามนี้ท่านก็ไม่ดูสถานการณ์บ้าง สงบเสงี่ยมหน่อยสิ”
“…” สตรีนางนี้ เขาเห็นว่าไม่สมควรจึงอยากจะหลบไป ใครกันแน่ที่ไม่สงบเสงี่ยม
ทว่าเมื่อมองดูสถานการณ์นี้แล้วก็เป็นเขาที่คิดมากเกินไป สตรีที่นอนทับอยู่บนร่างเขากลับไม่รู้สึกรู้สาถึงท่วงท่าที่ใกล้ชิดกัน แววตาของนางจ้องไปเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
ในสภาพนี้นางดูคล้ายกับสัตว์ป่าที่งดงามหมอบอยู่ในที่ลับ รอให้เป้าหมายในการล่าปรากฏตัวขึ้น
เขาจ้องมองนางที่ใจจดใจจ่อและเด็ดขาดเช่นนั้น ทำให้เค้าโครงดวงหน้าที่งดงามอยู่แต่เดิมกลับเพิ่มเสน่ห์อย่างหนึ่งขึ้นมา เขารู้สึกได้ว่าฝ่ามือที่ปิดปากเขาไว้ก็นุ่มนวลเช่นกัน
ท่าทางแนบสนิทกันอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้นางกลับแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติมาก แม้แต่ความรู้สึกอึดอัดระวังตัวก็ไม่มีสักนิด มีเพียงสีหน้าเอาจริงเอาจัง
‘มีคนกำลังมา’
นางทำปากบอกเขา เขาจึงทำได้เพียงจำเป็นต้องอยู่นิ่งชั่วคราว รักษาท่วงท่าใกล้ชิดของทั้งสองคนไว้ จับตาดูไปโดยรอบ ขณะเดียวกันก็รู้สึกประหลาดใจ หากมีคนมาไยเขาจึงไม่รู้สึกเล่า
บางทีอาจเป็นสีหน้านางที่มั่นใจยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงอดทนรอ ผ่านไปสักครู่ก็มีคนปรากฏตัว
มีคนมาตามคาด แต่คนผู้นี้กลับโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน
ฉู่เหิงจือพลันประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนโผล่มาจากใต้ดิน และยิ่งคิดไม่ถึงว่าตรงนั้นมีทางใต้ดินอยู่ด้วย
สองคนนั้นย่องมาที่ตาข่ายเหล็ก ดูท่าพวกเขาจะสังเกตเห็นว่ากับดักมีการเคลื่อนไหว ด้วยเหตุนี้จึงได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบดู
เหตุที่กวนอวิ๋นซีสัมผัสได้ก่อนเป็นเพราะนางคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างมาก ครั้นได้ยินเสียงดังมาจากใต้ดิน แม้จะเป็นเสียงที่แผ่วเบา ทว่าคนนอกไม่มีทางฟังออก มีเพียงโจรภูเขาที่คุ้นเคยเท่านั้นถึงจะรู้
แผ่นอกเขาเบาลงในทันใด ไม่มีใครนอนทับบนนั้นแล้ว เพราะสตรีนางนั้นพุ่งออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว แม้แต่เขายังห้ามนางไม่ทัน