ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ใต้เท้าอย่ามาหยอก บทที่ 5-บทที่ 6
ฝ่ามืออันร้อนรุ่มแทรกเข้าไปในอาภรณ์ของนางอย่างอ่อนโยนแนบอยู่บนหน้าท้องนาง ลูบไล้ไปมา ความหยาบกระด้างของฝ่ามือนั้นค่อยๆ ลูบคลำผิวพรรณที่เกลี้ยงเกลานุ่มลื่นของนาง
ครั้นลมหายใจอันร้อนผ่าวของเขาเข้ามาใกล้ข้างหู ริมฝีปากบางนั้นก็แนบเข้าไปตรงซอกคออันเนียนนุ่มของนาง ดูดดื่มอย่างเชื่องช้า
เพลิงปรารถนากระจายไปทั่วอย่างเงียบเชียบ เขาไม่ส่งเสียงปลุกนาง ทว่ากลับใช้การลูบไล้มาก่อกวนนาง
หร่านเจียงจ้องดวงหน้าด้านข้างอันงดงามของนาง ลมหายใจของนางตื้นเขินนัก ชีพจรก็ดูมั่นคง ดูคล้ายนางกำลังหลับลึก แต่ถึงจะรัดกุมอย่างไรก็ยังคงมีช่องโหว่ แววตาอันเร่าร้อนลึกล้ำจับจ้องที่ลำคอนาง ขณะที่ปลายลิ้นของเขาโลมเลียอยู่นั้น ผิวของนางก็ขนลุกชันขึ้นมา
เขาไม่ได้เปิดโปงนาง ปล่อยให้นางแสร้งนอนหลับต่อไป ส่วนเขาก็ไล่พรมจูบไปถึงแก้มอย่างเชื่องช้า งับติ่งหูนางเบาๆ เพื่อดูดดื่มลิ้มลอง
ฝ่ามือใหญ่ของเขาค่อยๆ เคลื่อนไปด้านบน ความอ่อนโยนปกคลุมความเนียนนุ่มของนางไว้ด้านหนึ่ง นิ้วชี้และนิ้วโป้งก็นวดคลึงส่วนยอดของบุปผาตูมสีชมพูแดงนั้น
เหมียวลั่วชิงยังคงหลับตา ลมหายใจราบเรียบเชื่องช้าและตื้นเขิน จิตใจนางไม่ได้กระเจิดกระเจิงไปเพราะถูกเขายั่วเย้า ทว่าสวรรค์ย่อมล่วงรู้ ยามนี้จิตใจนางหวาดผวาเพียงใด ยามที่นางนอน เขายังกล้ากำเริบถึงเพียงนี้ เช่นนั้นยามที่นางตื่น นางจะไม่โดนเขากลืนกินไปทั้งร่างเลยหรือ
นางทำได้เพียงอดทนต่อไป เพียงแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆ เผยความในใจลึกๆ ของนาง
“ใต้เท้า รองเสนาบดีชุยจากกรมอาญามาขอพบขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชามาแจ้งจากด้านนอกอย่างแผ่วเบา
เหมียวลั่วชิงรู้สึกยินดีปรีดายิ่งนัก นึกว่าหร่านเจียงจะยอมหยุดและออกไปทันที ใครจะไปนึกว่าเขาเพียงตอบกลับไปอย่างเกียจคร้านประโยคหนึ่ง
“ให้เขารอต่อไป”
รออะไร ใต้เท้าชุยจากกรมอาญาเป็นขุนนางขั้นสาม ตำแหน่งเขาสูงกว่าท่านนะ ท่านยังจะให้เขารออีกหรือ
เหมียวลั่วชิงแทบอยากจะกัดฟันกรอด บุรุษผู้นี้ไม่เพียงไม่หยุดมือ ฝ่ามือใหญ่ที่ซุกซนนั้นยังลูบไล้เข้าไปด้านในต้นขานาง นางเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว
ตื่นสิ? ยังไม่ยอมตื่นอีก?
นางตกลงไปอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างเทพเจ้าและมนุษย์ ยามนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาก็เอ่ยเตือนมาจากด้านนอกอีกครั้ง
“ใต้เท้า รองเสนาบดีชุยมาด้วยพระราชโองการของฮ่องเต้ขอรับ”
ฝ่ามือใหญ่ที่ลูบคลำเข้าไปที่หว่างขาหยุดลงในที่สุด อีกเพียงชุ่นเดียวก็จะเข้าไปสู่ทางบุปผาแล้ว
หร่านเจียงเก็บมือกลับ ห่มผ้าห่มให้นางอย่างดีแล้วลุกขึ้นเดินจากไป กำชับคนที่อยู่นอกห้องให้ดูแลนางให้ดี เขาก้าวเดินจากไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
แม้ว่าตัวเขาจะจากไปแล้ว ทว่ากลิ่นอายยังคงตลบอบอวลอยู่ภายในผ้าม่าน เขาได้ทิ้งสัมผัสไว้บนผิวของนาง
เหมียวลั่วชิงลืมตาขึ้นหอบหายใจอย่างแรง นางอดกลั้นมานาน เกือบจะแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้ว
นางหงุดหงิดยิ่ง จากสถานการณ์นี้ไม่ว่าจะช้าจะเร็วหร่านเจียงก็คงต้องการตัวนาง ครั้นคิดว่าตนเองจะต้องทนอัปยศอดสูคอยปรนเปรอเขาก็พลันรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วร่าง
ยามนี้หรุ่ยเอ๋อร์ก็เข้าห้องมา เมื่อเห็นนางตื่นแล้วก็เดินขึ้นหน้ามายิ้มแย้มอย่างเอาใจ
“แม่นาง อยากจะดื่มน้ำหรือไม่เจ้าคะ”
เหมียวลั่วชิงช้อนตาขึ้นมองหรุ่ยเอ๋อร์ เห็นอีกฝ่ายมองตรวจสอบตนเองด้วยสายตาหลุกหลิกก็พอรู้ว่าจงใจมาสืบเรื่องราว อยากรู้ว่าเมื่อครู่หร่านเจียงทำอะไรกับตนในห้อง
ยามนี้นางกำลังหงุดหงิดใจและรู้สึกรังเกียจหรุ่ยเอ๋อร์ยิ่ง สตรีผู้นี้มีจิตใจคับแคบ เดิมทีนางคิดจะให้หรุ่ยเอ๋อร์ถอยออกไป ทว่าจู่ๆ นางก็คิดอะไรขึ้นมาได้
นางจ้องหรุ่ยเอ๋อร์ ทันใดนั้นก็เกิดความคิดว่าจะหลอกใช้อีกฝ่าย ดังนั้นมุมปากจึงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“หรุ่ยเอ๋อร์ ข้านอนอยู่บนเตียงมานานเกินไปแล้ว อยากเคลื่อนไหวร่างกายบ้าง เจ้าออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน”
หรุ่ยเอ๋อร์เห็นเหมียวลั่วชิงยิ้มให้ ไม่แสดงสีหน้าเย็นชาใส่นางเหมือนที่ผ่านมา ในใจนางก็คิดว่าต้องเป็นเพราะความสัมพันธ์กับใต้เท้าแน่ที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดียิ่งนัก นางอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเหมียวลั่วชิงอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้มเอาใจ
“เจ้าค่ะ ออกไปเดินเล่นก็ดีเหมือนกัน จะได้หายไวๆ เจ้าค่ะ” หรุ่ยเอ๋อร์เดินขึ้นหน้าพยุงเหมียวลั่วชิง เป็นท่าทางของสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางอย่างเอาใจใส่
แม้ว่าหรุ่ยเอ๋อร์จะอิจฉาเหมียวลั่วชิง แต่นางก็ตระหนักได้ว่าถ้าหากตนเองยั่วโทสะอีกฝ่ายก็ไม่เป็นผลดีอะไร ยิ่งไปกว่านั้นการคอยรับใช้อยู่ที่นี่ก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือนางสามารถพบหน้าใต้เท้าได้บ่อยครั้ง
เหมียวลั่วชิงยอมให้หรุ่ยเอ๋อร์พยุงเดินเล่นอยู่ภายในลาน ในเมื่อมีดวงตาหลายคู่คอยจับจ้องอยู่ เช่นนั้นนางก็จะแสดงความใจกว้างออกมา การทำเช่นนี้กลับหลบหลีกจากสายตาผู้คนได้มากมาย
เป็นดังที่เหมียวลั่วชิงคาดการณ์ไว้ เพราะมีหรุ่ยเอ๋อร์มาเดินเป็นเพื่อน ทั้งสองคนจึงก้าวออกจากเรือนจู๋เซวียนได้อย่างราบรื่น แล้วนางก็ฉวยโอกาสนี้จงใจเอ่ยว่าอยากจะเข้าห้องน้ำ หรุ่ยเอ๋อร์ก็ไม่สงสัยอะไร จึงพยุงนางเดินไป
ครั้นถึงห้องน้ำ เหมียวลั่วชิงก็จงใจเอ่ยอย่างหยิ่งยโส “ข้าเคลื่อนไหวได้ช้า อาจจะนานหน่อยนะ หากเจ้ารำคาญที่ข้าช้าจะเข้ามาช่วยก็ได้”
หรุ่ยเอ๋อร์ไม่อยากเข้าไปช่วยนางหรอกจึงเอ่ยว่า “แม่นางค่อยๆ ทำ ไม่ต้องรีบ บ่าวจะรออยู่ด้านนอกเจ้าค่ะ”
เหมียวลั่วชิงเหลือบมองหรุ่ยเอ๋อร์แวบหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจ “ก็ได้ ข้าจะค่อยๆ ทำ แต่เพื่อไม่ให้กระทบถึงบาดแผล ข้าจะช้ามากนะ เจ้าอย่ามาเร่งข้าล่ะ” ครั้นเอ่ยจบนางก็เข้าห้องน้ำไป
หรุ่ยเอ๋อร์รออยู่ด้านนอก คนอื่นก็จะนึกว่านางอยู่ด้านใน เหมียวลั่วชิงจึงฉวยโอกาสนี้ทนความเจ็บปวดจากบาดแผลแฉลบกายจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครรู้เห็น