บทที่ 5 ส่งไปให้หลายคน
เวินอี่ฝานยังจำได้คลับคล้ายคลับคลา
หลังจากที่เธอบอกชื่อตัวเองไปแล้วก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซังเหยียนลากเสียงคำว่า ‘อ๋อ’ ซะสูง จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
ตอนนี้พอนึกย้อนไปเธอก็ยังนึกภาพถึงกลไกความคิดของเขาในตอนนั้นได้ คงจะเริ่มด้วยทำนองว่า…‘ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าชื่อเธอมันดูลูกผู้ชายสักแค่ไหนกัน’ แล้วตามมาด้วย…‘เวินอี่ฝาน?’ สุดท้าย…‘อ๋อ ก็แค่นี้เอง’
ท่าทางเขาอวดดีเหมือนกับว่าบนโลกนี้ไม่มีใครเทียบเขาได้ ซึ่งก็แทบจะไม่ได้ต่างไปจากตอนนี้เลย
ทว่าอาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น เขาเลยไม่ยิ้มแย้มเหมือนตอนที่ยังเป็นหนุ่มน้อย หรืออาจเป็นเพียงเพราะว่าไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจึงกลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้า เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนความเย็นชาก็แทบจะครอบงำอารมณ์เขาทั้งหมด
เธอเดินมาถึงสถานีรถไฟใต้ดินพอดี
เวินอี่ฝานควานหาบัตรรถไฟใต้ดินในกระเป๋าพลางหยิบมือถือขึ้นมาดู พอเห็นข้อความของจงซือเฉียว เธอก็ตอบกลับไปไม่กี่ประโยค จากนั้นจู่ๆ เธอก็นึกได้ว่าในวีแชตของตัวเองคล้ายกับจะมีชื่อของซังเหยียนอยู่ด้วย
หลังจากจำนวนคนใช้วีแชตเพิ่มมากขึ้นเมื่อสองปีก่อน เวินอี่ฝานก็เลยลงทะเบียนใช้บ้าง ตอนนั้นเธอเลือกแอดรายชื่อเพื่อนโดยใช้แอพฯ รายชื่อผู้ติดต่อ ในมือถือของเธอยังเมมเบอร์ของซังเหยียนไว้ ดังนั้นจึงส่งคำขอเพิ่มเพื่อนไปให้เขาโดยอัตโนมัติ
ทางนั้นก็คงจะกดยอมรับในทันที
ตั้งแต่เพิ่มเพื่อนมาจนถึงตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังไม่เคยคุยกันสักประโยค แต่เวินอี่ฝานคิดว่าตอนที่เขากดยอมรับเธอ เขาคงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนนี้คือเธอ เพราะในตอนนั้นเธอเปลี่ยนเบอร์มือถือเป็นเบอร์ที่เมืองอี๋เหอ
พอนึกมาถึงจุดนี้เวินอี่ฝานก็คลิกไปที่รายชื่อผู้ติดต่อ สไลด์ไปจนถึงตัวอักษร ‘S’ หาจนเจอชื่อซังเหยียนแล้วคลิกรูปโพรไฟล์ของเขาเข้าไปดู เธอกวาดตามองโพสต์ที่ว่างเปล่าของเขาแล้วก็คลิกออกอย่างรวดเร็ว
ซังเหยียนไม่ได้โพสต์อะไรเลย
เขาคงจะบล็อกฉันไปแล้ว หรือไม่ก็ลบชื่อฉันออกไปนานแล้วมั้ง
หรือว่าคนที่ฉันเพิ่มเป็นเพื่อนคนนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่ซังเหยียน
เขาคงจะเปลี่ยนเบอร์ไปตั้งนานแล้วล่ะ
เวินอี่ฝานลังเลอยู่กับการคลิกปุ่มดีลีตหลายวินาที แต่ก็ตัดสินใจไม่คลิกในที่สุด
ในเมื่อเธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ อีกทั้งเธอก็ไม่ได้มีนิสัยชอบลบชื่อใครออก
ให้เขาอยู่ในนั้นต่อไปอย่างเงียบสงบดูเหมือนว่าก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
พอเวินอี่ฝานกลับถึงห้อง เธอก็โทรหาเจ้าของบ้านก่อนเพื่อปรึกษาเรื่องที่จะเลิกเช่า
เจ้าของบ้านคนนี้ก็น่ารักมาก เพราะได้ยินเธอเล่าถึงเหตุการณ์นี้อยู่หลายครั้งก็เห็นใจเธอที่เป็นผู้หญิงใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกตามลำพัง จึงตอบตกลงโดยเร็ว บอกว่าหากเธออยากย้ายบ้านตอนนี้ก็จะคืนเงินมัดจำและค่าเช่าที่จ่ายล่วงหน้าให้
เวินอี่ฝานเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ
เมื่อจัดการธุระเรื่องนี้เสร็จ เธอก็เปิดคอมพิวเตอร์ เริ่มท่องเว็บเช่าบ้าน
หลังจากกวาดตาดูไปได้รอบหนึ่งก็ยังหาห้องชุดที่เหมาะสมไม่ได้ เพราะการหาห้องชุดในเมืองหนานอู๋เป็นเรื่องยากมาก
ทั่วทั้งเมืองหนานอู๋ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบพร้อม มีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องโถงหนึ่งห้อง อีกทั้งยังอยู่ใกล้ถนนซั่งอันหรือถนนจื้ออันจากที่เวินอี่ฝานเก็บข้อมูลมา ค่าเช่าที่ถูกที่สุดก็ราคาสามถึงสี่พันหยวนต่อเดือน
ดูจากสภาพการเงินของเธอในตอนนี้ก็นับว่าลำบากอยู่มากจริงๆ
เวินอี่ฝานรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่บ้าง ก็เลยส่งวีแชตไปบอกจงซือเฉียว
เวินอี่ฝาน : เฉียวเฉียว ฉันคิดจะย้ายบ้านล่ะ
เวินอี่ฝาน : ช่วยฉันถามเพื่อนเธอหน่อยว่ายังมีห้องปล่อยเช่าที่เหมาะสมหรือเปล่า เธอค่อยถามเพื่อนตอนที่เธอว่างอะนะ