“…”
หลังจากที่ส่งออกไปแล้ว เวินอี่ฝานก็เดินเข้าใกล้ซังเหยียนมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเพียงแค่เดินเฉียดไหล่กัน เธอก้มหน้าลงอย่างอึดอัด เหลือบมองเขาทางหางตา เหมือนว่าเขากำลังคลิกไปอ่านข้อความในวีแชต
ขนตายาวหนาเป็นแพของชายหนุ่มหลุบต่ำลง จ้องตัวอักษรบนหน้าจอ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เหมือนว่าเธอจะได้ยินเขาหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ แผ่นหลังของเธอเย็นวาบในทันใด
หญิงสาวเดินต่อไปสักระยะหนึ่ง จนกระทั่งอยู่ห่างกันแล้ว ความรู้สึกกินปูนร้อนท้องที่ไม่รู้มาจากไหนในที่สุดก็คลายลง เธอมองหน้าจออีกครั้ง เขายังไม่ได้ตอบข้อความเหมือนที่เธอคาดคิดไว้
เวินอี่ฝานถอนใจออกมา เธอไม่มีเวลาจะมาหมกมุ่นในเรื่องนี้อีก เธอรู้สึกว่าตัวเองไปห้องน้ำนานเกินไปหน่อย จึงไม่กล้าที่จะโอ้เอ้ เร่งฝีเท้าเดินไปยังจุดที่จะถ่ายทำ
บรรยากาศขณะนี้ไม่ได้ต่างจากตอนก่อนที่เธอไปห้องน้ำมากนัก
ภายในจัตุรัสมีการตกแต่งประดับประดา ต้นไม้และสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กถูกพันด้วยไฟประดับหลากสี สร้างบรรยากาศของการเฉลิมฉลองวันข้ามปี ผู้คนรอบตัวเดินไปเดินมาขวักไขว่ มีเจ้าหน้าที่ดูแลลำดับการเข้างาน เธอทอดสายตามองไปมีแต่ความรื่นเริงปีติยินดี
ขั้นตอนแรกของการเฉลิมฉลองนั้นถูกตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว รอเพียงให้วันปีใหม่มาถึง
เฉียนเว่ยหวาและเจินอวี้กำลังสนทนากันอยู่ ฟู่จ้วงยืนอยู่ข้างพวกเขาทั้งสอง กำลังฟังอย่างรู้หน้าที่ ไม่พูดอะไรสักคำ พอเห็นเวินอี่ฝานกลับมาเขาก็เดินมาหาอย่างระมัดระวังทันที
ฟู่จ้วงเป็นเด็กฝึกงานที่เพิ่งรับเข้ามาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เขากำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่สี่ ชื่อของเขากับสภาพความเป็นจริงไม่สอดคล้องกันเลย เขามีรูปร่างผอมแห้ง ไม่สูงมาก ดูราวกับต้นไผ่ หน้าตาเหมือนเด็กน้อยแต่กลับพูดจาเหมือนประทัดเสียงต่ำ
“พี่ ถ้าพี่มาช้ากว่านี้อีกก้าว…”
เวินอี่ฝานยังนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “มีอะไรเหรอ”
ฟู่จ้วงเอ่ยอย่างหนักใจ “พี่อาจจะเห็นผมเป็นศพแข็งตายไปแล้วน่ะสิครับ”
“…” เวินอี่ฝานพยักหน้า “งั้นขอบคุณนะ พี่ยังเลือกหัวข้อไม่ได้เลยอะ”
“ในสายตาพี่ ผมเป็นแค่ที่หาหัวข้อเหรอ!” ฟู่จ้วงโอดครวญ เขาหนาวจนตัวสั่น แต่น้ำเสียงกลับมีพลัง “ผมโคตรหนาวเลย ลมพัดจนผมน้ำมูกไหลแล้วเนี่ย”
เวินอี่ฝานมองไปทางเขา
นักศึกษาชายในวัยนี้ส่วนมากจะเอาแต่รักษาภาพลักษณ์ ละเลยเรื่องสุขภาพ ฟู่จ้วงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาสวมเพียงเสื้อคลุมยีน มองดูแล้วไม่สามารถกันหนาวได้เลย ริมฝีปากเขาคล้ำจนจะม่วงอยู่แล้ว และเขาก็ยังผอมแห้ง เหมือนกับว่าในวินาทีต่อมาจะถูกลมทะเลพัดจนล้มได้
“อยู่ริมทะเลก็ต้องหนาวอยู่แล้วล่ะ วันหลังออกมาสัมภาษณ์ข้างนอกใส่เสื้อให้หนากว่านี้หน่อยนะ” เวินอี่ฝานเอ่ยพลางหยิบถุงร้อนให้เขา “เอาไปซุกมือจะได้อุ่น”
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกครับ” ฟู่จ้วงไม่เคยคิดที่จะใช้ของของเธอ “พี่เก็บไว้เองเถอะ พี่เป็นผู้หญิง คงหนาวกว่าผมแน่”
“ในกระเป๋าพี่มีสองอันจ้ะ” เวินอี่ฝานเอ่ย “พอดีอันนี้ไม่มีที่วาง”
“…”
คราวนี้ฟู่จ้วงจึงรับมาอย่างไม่รู้สึกเป็นภาระสักนิด แล้วก็ถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง “จริงสิพี่ ก่อนหน้านี้พี่เคยมางานดอกไม้ไฟมั้ยครับ”
เวินอี่ฝานตอบอืม “แต่ยังไม่เคยมางานใหญ่ขนาดนี้นะ”
“ขอพรกับดอกไม้ไฟแบบนี้จะได้ผลเหรอครับ”
“ไม่ได้หรอก”
“…” ฟู่จ้วงพึมพำ “ผมอยากขอพรอยู่ข้อเดียว ปีหน้าขอให้ผมได้แฟนเถอะครับ”
เวินอี่ฝานขำ “นั่นยิ่งจะไม่ได้ผลเข้าไปใหญ่”
“พี่อี่ฝาน ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้ล่ะครับ!” ฟู่จ้วงตะโกนลั่น “งั้นผมจะขอพรให้สูงขึ้นอีกสักห้าเซ็นต์โอเคมั้ยครับ! ผู้ชายอายุยี่สิบแล้วจะสูงได้อีกมั้ย…”
คราวนี้เวินอี่ฝานไม่โจมตีเขา