เรื่องที่เชอซิงเต๋อมาหาเธอที่สถานีโทรทัศน์อยู่หลายครั้งคล้ายเป็นระเบิดที่ยังไม่ได้ตั้งเวลาไว้ ถึงแม้เธอจะไม่อยากไปสนใจมันก็ตาม แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เธอหลับยากเหมือนช่วงก่อนหน้านี้
มันยากที่จะเอ่ยปาก อีกทั้งเธอก็ไม่อยากพูดถึงมันด้วย
เวินอี่ฝานคิดว่าขอเพียงชีวิตเป็นดังเช่นที่ผ่านมาก็พอแล้ว
เธอเพียงแต่อยากไปให้ไกล ไม่อยากสุงสิงกับเรื่องพวกนี้อีก ไม่อยากเจอพวกเขา อย่างไรเสียชีวิตนี้ก็ยังคงเป็นของเธอ ไม่มีใครจะมาส่งผลกระทบอะไรต่อเธอได้
พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตเธอเลย
เวินอี่ฝานคิดแบบนี้มาตลอดตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงตอนนี้
ทว่าข้อความจากจ้าวหยวนตงได้ทำลายความคิดเธอลงอย่างราบคาบในค่ำคืนหนึ่ง
ขณะที่เวินอี่ฝานเห็นข้อความ เดิมทีก็ไม่คิดจะคลิกเข้าไปอ่าน แต่พอเหลือบเห็นคำว่า ‘ผับ’ เธอก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายขึ้นมาอย่างประหลาด เธอไม่รอให้ตัวเองใคร่ครวญแต่อย่างใด กดคลิกเข้าไปทันที
จ้าวหยวนตง : อาเจี้ยง ลูกคบกับแฟนที่เปิดผับเหรอ แต่ทำไมช่วงก่อนแม่ได้ยินจยาจยาเล่าว่าลูกกำลังคบกับผู้จัดการของน้องอยู่ล่ะ วันนี้ป้าใหญ่โทรมาหาแม่ ช่วงก่อนน้องชายเธอไปที่ผับของแฟนลูก บอกว่าแค่อยากจะแนะนำแฟนลูกให้พวกเพื่อนๆ เขารู้จัก แต่แฟนลูกไม่มีมารยาทเอาซะเลย แล้วยังเก็บค่าเหล้าซะแพง อาเจี้ยง ถ้าลูกจะมีแฟน ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ
เวินอี่ฝานจ้องข้อความนี้อยู่นาน สมองเบลอไปบ้าง เธอไม่รู้ว่าเชอเยี่ยนฉินกุเรื่องนี้ขึ้นมาเองหรือว่ามันเป็นเรื่องจริง ในเมื่อซังเหยียนไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังเลย
ผ่านไปครู่ใหญ่เวินอี่ฝานก็วางมือถือลงแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
เวลานี้ซังเหยียนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังนั่งเล่นเกมในมือถืออยู่บนโซฟา ผมเผ้ายังคงเปียกชื้น ผิวเขาดูซีดขาวอย่างเห็นได้ชัดภายใต้แสงไฟ สีหน้าเกียจคร้านและเอื่อยเฉื่อย คล้ายว่าเล่นเกมไปงั้นๆ เพื่อฆ่าเวลา
เวินอี่ฝานเดินไปนั่งลงข้างเขา
ซังเหยียนช้อนตาขึ้น “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมยังไม่นอนอีก”
“ซังเหยียน” เวินอี่ฝานมองเขา พยายามควบคุมน้ำเสียงให้สงบลงบ้าง “ได้ยินว่าผู้ชายคนนั้นที่เรียกตัวเองว่าเป็นน้าของฉันเคยไปที่ผับนายใช่มั้ย”
มือของซังเหยียนชะงักลงทันที “ใครบอกเธอ”
“…”
เขาพูดมาเช่นนี้ก็เท่ากับยอมรับว่าเป็นความจริง
ในชั่วขณะนี้ความรู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแทบจะกลืนกินเธอลงไป ถึงขนาดที่เธอไม่ต้องถามอะไรเขาอีก มิหนำซ้ำยังเดาได้ว่าหลังจากเชอซิงเต๋อไปถึงผับแล้วจะทำอะไรลงไปบ้าง
ก็คงจะไปขอเงินจากเขา โดยอ้างว่าเป็นน้าของเธอ หรือไม่ก็โวยวายไม่ยอมจ่ายเงิน ทำให้ซังเหยียนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายท่ามกลางสายตาลูกค้าคนอื่นๆ
แต่เดิมเขาก็ไม่ควรมาพบเจอเรื่องแบบนี้
ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะเธอ
ลำคอของเวินอี่ฝานพลันตีบตัน เธอรู้สึกจนคำพูดแล้วหลุบตาลง จิกเสื้อผ้าตัวเองโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะโพล่งออกไปเบาๆ
“…ขอโทษด้วยนะ ฉันจะไปคุยกับพวกเขาเอง”
เมื่อซังเหยียนสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเธอ เขาก็ขมวดคิ้ว โยนมือถือไปข้างๆ ทันที หันหน้ามามองสีหน้าเธอแล้วเอ่ยอย่างลังเลและงุนงง
“เวินซวงเจี้ยง เธอจะมาขอโทษอะไรกัน”
เวินอี่ฝานสบตาเขาด้วยสีหน้าอึ้งๆ
“ลูกค้าที่มาผับ เดิมทีก็มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกันไป เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน” ยากนักที่ซังเหยียนจะแสดงความใจเย็นออกมาบ้าง เขาอธิบายอย่างจริงจัง “ฉันไม่เคยใส่ใจกับเรื่องบ้าบอพวกนี้เลย เธอเข้าใจมั้ย”
“…”