บทที่ 3
มือที่สาม
หลังก้าวพ้นจากสถานการณ์อันแสนกระอักกระอ่วนได้สักระยะ พันธิตราก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าพ่อแม่และน้องสาวของเธอวิ่งตามมาด้วย
ดวงตาของคุณเควินผู้มีเชื้อสายอังกฤษและจีนไหลเวียนอยู่ในตัวมองลูกสาวสุดที่รักอย่างห่วงใยเช่นเดียวกับคุณพิมพ์อัปสรและพัทธมน ซึ่งฝ่ายหลังกัดริมฝีปาก วิ่งมากอดพันธิตราไว้แล้วร้องไห้สะอื้นกับบ่าบอบบาง
“ฮึก ไม่เป็นไรนะพี่ไพรม์ แค่ผู้ชายเฮงซวยคนเดียวเอง!”
จากปกติพี่น้องที่แบ่งกันเป็น ‘ลูกป๊า’ กับ ‘ลูกแม่’ และมักจะทะเลาะเบาะแว้งกันเองเสมอ พัทธมนกลับเป็นฝ่ายเสียน้ำตาให้กับสิ่งที่พี่สาวต้องเผชิญ เพราะอย่างไรเสีย…เลือดที่ข้นกว่าน้ำก็ทำให้หล่อนนึกเกลียด ‘อดีต’ ว่าที่พี่เขยผู้แสนดีขึ้นมาจับใจ
พันธิตราหลับตา ซึมซับอ้อมกอดของน้องสาว ก่อนจะถูกโอบล้อมอีกครั้งด้วยคุณพิมพ์อัปสรและคุณเควิน เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของครอบครัว…เซฟโซนที่ปลอดภัยที่สุด จากคนที่ไม่มีวันทรยศหักหลังหรือทำให้ต้องเสียน้ำตา
แล้วเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง พันธิตราก็หัวเราะเบาๆ ขยับตัวจนทุกคนต้องขยับตาม มือเรียวสวยยื่นไปเช็ดน้ำตาบนดวงหน้าคล้ายคลึงกัน ถามปนหัวเราะ
“นี่ คนโดนเทคือพี่นะ เราร้องไห้ทำไมฮะไพรซ์”
“ก็เพราะพี่ไพรม์ไม่ร้องไง! ไพรซ์ถึงต้องร้องแทน!” หากพันธิตราสวยสง่าเยือกเย็นเหมือนราชินี พัทธมนก็คือ ‘เจ้าหญิงน้อย’ ประจำบ้านผู้ซึ่งกล่าวอย่างรู้จักนิสัยพี่สาวตัวเองดี
ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่ทำให้พัทธมนทั้งชื่นชมและอิจฉาพี่สาวคนเดียวมาตลอดคือความสวยสง่า ทำอะไรก็ดู ‘แพง’ ไปหมด ทั้งยังเฉลียวฉลาด วางตัวดีจนเป็น ‘ลูกป๊า’ เป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล ทว่านั่น…กลับทำให้บางครั้งหล่อนรู้สึกว่าพี่สาวฝืนตัวเองมากไป
ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องอะไร หากไม่ใช่สีหน้าเย่อหยิ่ง พันธิตราก็จะยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ พัทธมนจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นพี่ร้องไห้คือเมื่อไหร่
ดูเถอะ ขนาดถูกคู่หมั้นที่รักกันมาเป็นสิบปีบอกเลิก พี่ยังยิ้มให้หล่อนด้วยสีหน้าและแววตาที่หม่นแสงเพียงนิดเดียวด้วยซ้ำ
“จะร้องไห้ไปทำไมเล่า เสียน้ำตาเปล่าๆ” พันธิตราส่ายหัว ก่อนหันไปกอดบุพการีแน่นๆ คนละทีแทนการเติมพลัง พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเธอก็กลับไปเป็นลูกสาวคนเดิม ไปเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์สาวที่มีรอยยิ้มมั่นใจเต็มวงหน้า
“ป๊ากับแม่เอากุญแจรถกับกระเป๋าตังค์มามั้ยคะ”
“หืม?” คุณเควินที่ยังตั้งตัวไม่ทันกับปฏิกิริยาของลูกสาวกะพริบตา เป็นคุณพิมพ์อัปสรที่ไวกว่า ท่านพยักหน้ารับ
“กุญแจรถอยู่กับแม่ แต่กระเป๋าตังค์…”
“ในกระเป๋ากางเกงป๊ามี มีอะไรรึเปล่าน้องไพรม์”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ” พันธิตราส่ายหัว อมยิ้มมองครอบครัวซึ่งรักและหวังดีกับเธอที่สุด “ไพรม์แค่…จะชวนทุกคนออกไปหาอะไรกิน คิดว่าที่กินกันน่าจะยังไม่อิ่ม ที่สำคัญคือเมื่อกี้…” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ อีกครั้ง ท่าทางไม่เหมือนคนเพิ่งถูกถอนหมั้นมา
นี่ถ้าไม่รู้มาก่อน ทุกคนอาจจะเข้าใจว่าเธอเป็นฝ่าย ‘เท’ ธิติธรทิ้งด้วยซ้ำไป
“ไพรม์มัวแต่ลุ้นกับสถานการณ์จนแทบไม่ได้กินอะไรน่ะค่ะ ตอนนี้เลยหิวแทบแย่แล้ว”