“พี่ตรีรู้ดี ว่าสิ่งที่ไพรม์เกลียดที่สุดคือความไม่ซื่อสัตย์และการนอกใจ ดังนั้นไม่ว่าสิ่งที่พี่ตรีพูดมาวันนี้ จะเพราะรู้สึกผิดหรือเพราะอยากไปเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิง ‘ที่มาทีหลัง’ คนนั้น…” หญิงสาวเน้นย้ำถึงตำแหน่งเวลาของใครอีกคน “ไพรม์ก็ขอคืนอิสรภาพให้พี่ตรี…ตั้งแต่วินาทีนี้เลยค่ะ”
“น้องไพรม์…” ทั้งที่ตั้งใจรวบรวมความกล้ามาบอกเลิกคู่หมั้นที่เขาเคยคิดว่าจะรักเธอไปทั้งชีวิต แต่พอพบว่าพันธิตรายอมถอยให้แต่โดยดี หัวใจธิติธรก็ยากจะสงบ มันร้อนรนกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมกัน ทั้งที่เขามั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองรัก ‘กวินธิดา’ มาก มากจนยอมเสี่ยงที่จะแตกหักกับครอบครัวพันธิตราและอาจรวมไปถึงบ้านของลูกพี่ลูกน้องของตน แต่ทำไมพอพบว่าคนรักที่คบหากันมายาวนานนับสิบปีไม่ได้อาลัยอาวรณ์เขาเลยสักนิด
หัวใจกลับรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมา
“อีกสองวันบ้านพวกเรามีนัดกินข้าวฉลองปีใหม่ร่วมกันเหมือนทุกปี วันนั้น…ไพรม์รบกวนพี่ตรีจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยนะคะ”
ร่างระหงลุกขึ้นจากเก้าอี้ คว้ากระเป๋าใบย่อมขึ้นมาคล้องไหล่ เชิดหน้าปรายตามองผู้ชายที่เคยคิดว่าเขาคือ ‘พระเอก’ ในชีวิตจริง ริมฝีปากสีระเรื่อคลี่ยิ้มกว้าง
“ตอนขอหมั้น…พี่ตรีกล้าพาครอบครัวไปขอไพรม์กับป๊ากับแม่ แถมยังพาบ้านเฟรย์ให้ไปช่วยร่วมกดดันด้วย เพราะงั้นจะถอนหมั้นทั้งที…รบกวนทำให้ยิ่งใหญ่เหมือนตอนขอหมั้นด้วยนะคะ อ้อ ส่วนนี่…” พันธิตราโบกมือซ้ายไหวๆ ให้แสงเพชรหยอกล้อกับประกายไฟ “ไม่ต้องห่วงว่าไพรม์จะไม่คืนนะคะ แต่ว่าตอนนั้นเราสวมมันต่อหน้าทุกคน ครั้งนี้…ไพรม์ก็เลยจะถอดมันคืนต่อหน้าทุกคนเหมือนกันค่ะ”
แม้ตอนอยู่ต่อหน้าธิติธร พันธิตราจะยังคงรักษาภาพลักษณ์เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์สาวผู้เยือกเย็นไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ไม่มีแม้แต่รอยน้ำตารื้นขึ้นมาสักกระผีก แต่พอได้ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในคอนโดฯ ของตัวเอง ในพื้นที่ที่มีแต่เธอเท่านั้น ร่างระหงค่อยๆ ทิ้งตัวลงกับโซฟาทรงบัลลังก์สีม่วงเข้ม ยกมือซ้ายสั่นระริกขึ้นมองแหวนที่สวมติดนิ้วมาสามปี แหวน…ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์บอกให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของจับจองแล้ว
“นี่เรา…เลิกกับพี่ตรีแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย”
พันธิตราพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ทั้งที่เธอเตรียมใจไปถูกเขาเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแล้วแท้ๆ แต่กลับค้นพบว่าการเซอร์ไพรส์ที่แท้จริง…คือการขอเลิกจากคนที่รักกันมาเกือบครึ่งชีวิต
ระหว่างในหัวรำลึกถึงอดีตที่ ‘พี่ตรี’ อาศัยความเป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งพ่อของสามสาว ข้ามมาสานสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่อย่างเธอ นับแต่เล็กจนโต…ธิติธรเป็นผู้ชายต่างสายเลือดคนเดียวที่เธอสนิทสนมด้วยมากที่สุด ดังนั้นตอนอายุครบสิบหกปีแล้วเขาขอเป็นแฟน…พันธิตราถึงไม่ปฏิเสธ
หญิงสาวถอนหายใจให้กับความหลัง หัวใจเว้าแหว่งเหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะขาดหาย กระนั้นกลับไม่มีน้ำตาสักหยดจะรินไหล
บางทีอาจจะเพราะเธอยังมึนและชาเกินกว่าจะเจ็บกระมัง หรือไม่…บางทีเธออาจจะกำลังฝันอยู่
แล้วพรุ่งนี้…ธิติธรก็จะโทรศัพท์มาอวยพรปีใหม่เธอเป็นคนแรกเพื่อบอกให้รู้ว่า…เธอจะยังคงเป็น ‘นางเอก’ หนึ่งเดียวสำหรับเขาอย่างที่เป็นตลอดมา…