เฮ้อ ว่ากันจริงๆ แล้ววิธีนี้ก็ออกจะต่ำช้าเกินไปหน่อย อาจเพราะเซวียเป่าไชรู้ว่าระยะนี้ท่านป้าสะใภ้รองถูกสั่งห้ามเข้าเรือนข้างของนาง เซวียเป่าไชจึงมาลองหยั่งเชิงและถือโอกาสเหน็บแนมนาง แต่ไม่ได้มีเจตนาท้าทายกันอย่างจริงจัง น่าเบื่อชะมัด
คิดจะแย่งบุรุษกับนางเช่นนั้นหรือ ไปหารือกับจย่าเป่าอวี้ก่อนเถิดนะ
อาจเพราะรู้ว่าตนจุดประเด็นไม่เป็นผล เซวียเป่าไชจึงหมดอารมณ์คุยต่อเลยหิ้วกล่องอาหารจากไปอย่างขัดใจ
หลินไต้อวี้มองตามเงากล่องอาหารไปอย่างแสนอาลัย ไม่รู้ว่าจย่าเป่าอวี้จะเก็บซูเล่าเคี่ยวน้ำตาลไว้ให้นางสักชามหรือไม่ แม้นางจะเป็นคนตะกละ แต่กลับไม่ใช่คนเรื่องมาก ขอเพียงคนทำใส่ความเพียรพยายามลงไปในกระบวนการทำอาหารมากพอ หลินไต้อวี้ย่อมกินด้วยความรู้สึกซาบซึ้งชนิดไม่เหลือไว้แม้แต่ซาก!
ดังนั้นจย่าเป่าอวี้ เจ้ารีบมาเถอะ
นางเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ขอเพียงมีของอร่อยมา ทุกเรื่องย่อมพูดจากันได้
หลินไต้อวี้เกาะกรอบหน้าต่างอย่างเบื่อหน่าย นัยน์ตาฉ่ำชื้นหรี่ลงมองสายฝนที่เพิ่งตกลงมาไม่นานนอกหน้าต่างแล้วพลันตัวสั่นจึงคิดจะปิดหน้าต่าง ทว่ากลับเหลือบไปเห็นเงาร่างที่ยืนอยู่ข้างประตูทางเข้าชั้นที่สองก่อน เด็กสาวต้องเขม้นมองอยู่นานแล้วอุทานออกมา “เสวี่ยเยี่ยน ร่มอยู่ที่ใด”
“คุณหนูจะเอาร่มไปทำอะไรหรือเจ้าคะ” เสวี่ยเยี่ยนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะ ไม่ต้องแล้ว” หลินไต้อวี้วิ่งตัวปลิวออกไปข้างนอก
เพราะถึงอย่างไรฝนก็ไม่ได้ตกหนักมาก แค่รีบดึงตัวเขาเข้ามาข้างในก็ใช้ได้แล้ว
“จย่าเป่าอวี้ ท่านมายืนทำอะไรตรงนี้!” หลินไต้อวี้ตวาดอย่างอารมณ์ไม่ดีมาแต่ไกล
จย่าเป่าอวี้ชะงัก แววตาเลื่อนลอยเริ่มจับนิ่งอยู่บนร่างแบบบางที่กำลังปรี่เข้ามาหาเช่นเดียวกับแสงจันทร์ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีดำ ทำให้แก้วตาสีนิลพลันสว่างสดใสขึ้นมา
“ท่านปัญญาอ่อนไปแล้วหรือ ฝนตกเช่นนี้ท่าน…ตัวเปียกไปหมดแล้ว!” หลินไต้อวี้ผรุสวาทพลางลากจย่าเป่าอวี้เข้าไปในห้อง “เสวี่ยเยี่ยนไปเอาผ้ามาที แล้วดูต้นทางข้างนอกด้วย ถ้ามีใครมาให้รีบร้องบอกล่ะ”
เจ้าปีศาจจอมหาเรื่องตัวนี้ช่างเลือกวันมาทำเพี้ยนใส่นางจริงๆ เพราะวันนี้ฉิงเหวินกับเสี่ยวหงถูกเรียกตัวให้ไปช่วยงานปีใหม่ที่อื่น ส่วนพี่จี้ก็กลับไปคฤหาสน์สกุลหลินที่จินหลิงทำให้ข้างกายหลินไต้อวี้เหลือแค่เสวี่ยเยี่ยนผู้เดียว แค่นี้ก็ยุ่งจนหัวหมุนแล้ว แต่จย่าเป่าอวี้กลับมาเพิ่มเรื่องให้อีก
ทันทีที่เข้ามาในห้อง หลินไต้อวี้ก็รับผ้ามาช่วยเช็ดตัวให้เขาอย่างลวกๆ แต่ลองว่าเสื้อคลุมมีน้ำหยดแล้วเช่นนี้ เช็ดอย่างไรก็ไม่มีทางแห้ง ซ้ำจย่าเป่าอวี้ยังเอาแต่นิ่ง ทำให้นางต้องตวาดใส่
“ถอดออกสิ! ท่านไม่ยอมถอดเสื้อออกเช่นนี้ คิดจะปล่อยให้ตัวเองหนาวตายหรือ เสวี่ยเยี่ยน ไปหาเสื้อผ้าจากห้องคุณชายรองเป่ามาสักหลายๆ ตัวหน่อย”
หางตาของเสวี่ยเยี่ยนกระตุก แต่ต้องเดินออกไปข้างนอกอย่างจำใจ
ผ้าเปียกชุ่มไปหมดทั้งผืนแล้ว หลินไต้อวี้ต้องรีบเปลี่ยนผ้าแห้งผืนใหม่มา แต่ยังไม่ทันจะได้เช็ด ร่างของนางกลับถูกจย่าเป่าอวี้รวบไปกอดไว้ ชั่วขณะนั้นน้ำฝนเย็นจัดพลอยซึมเข้ามาที่เสื้อของนางด้วย ทำให้หลินไต้อวี้ตัวสั่นและต้องออกแรงผลักเขา แต่นั่นกลับเหมือนผลักกำแพงโลหะ ไม่ว่าจะผลักอย่างไรก็ไม่สำเร็จจนนางตกใจว่าเด็กรุ่นนี้โตไวจริงๆ
ใบหน้าของจย่าเป่าอวี้งดงามประดุจบุปผา แต่เรือนร่างกลับสูงใหญ่มากขึ้น หากไม่แหงนหน้า นางคงมองไม่เห็นหน้าเขา
“ท่านเป็นอะไรไปน่ะ” หลินไต้อวี้ถามเสียงอู้อี้
ช่างเถอะ เปียกก็เปียกไปแล้ว แต่ถ้านางป่วยเพราะลมเย็นอีก นางจะซ้อมเขาสักยกหนึ่ง
หลินไต้อวี้ถามย้ำอยู่หลายครั้งแต่จย่าเป่าอวี้กลับไม่ยอมตอบและไม่ยอมขยับ ซ้ำยังกอดนางแน่นจนรู้สึกเจ็บแผ่นหลัง แม้หลินไต้อวี้จะไม่ชอบใจเพราะรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกกินเต้าหู้ไปเยอะ แต่พูดกันตามความจริงนับตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน นางยังไม่เคยเห็นจย่าเป่าอวี้มีท่าทีเช่นนี้มาก่อน
“นี่…แผนของท่านมีปัญหาหรือ” นางคิดว่าอาจเพราะเกิดอะไรขึ้นกับแผนทำให้จย่าเป่าอวี้ผิดหวังจนกลายเป็นก้อนเนื้อเดินได้เช่นนี้
นิ่งคอยอยู่พักหนึ่ง ยังไม่เจอเสียงประท้วง และความรู้สึกเย็นๆ บนบ่าเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอุ่นชื้นทำให้หลินไต้อวี้ใจสั่นอย่างรุนแรง
ไม่นะ…ปีศาจร้องไห้ได้ด้วยหรือ
ตกลงมันเกิดเรื่องใหญ่โตมโหฬารอะไรขึ้น ถึงทำให้ปีศาจตนนี้หลั่งน้ำตาออกมา หลินไต้อวี้อยากจะถาม แต่ถ้าซักตอนนี้เกรงว่าจะเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของบุรุษอย่างเขามากกว่า นางจึงได้แต่ปลอบใจเขาด้วยท่าทีของผู้ใหญ่ใจกว้าง