ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน บัญชาปราบโฉมงาม บทที่ 4
ไป่หลี่ซีลากนางเดินไปตลอดทาง ดีที่ถนนบนภูเขาเส้นนี้ปกติไม่ค่อยมีคนเดินผ่านจึงไม่มีผู้ใดเห็น
เป็นครั้งแรกที่อูมู่ฉินถูกเขาทำท่าดุดันใส่ แต่นางไม่กลัวเขา เพียงอยากรู้ว่าคนผู้นี้คิดจะทำอันใด เพลิงโทสะของเขามาจากเรื่องใด หรือเพราะเขาเป็นห่วงนาง
ความจริงนางจงใจทำให้ตนเองสกปรก จุดประสงค์ก็เพื่อกำบังพรางกาย นางกับศิษย์พี่ศิษย์น้องเล่นอยู่ในเทือกเขาหุบปีศาจตั้งแต่เล็ก การละเล่นที่เล่นบ่อยที่สุดคือซ่อนแอบ ซ่อนแอบยิ่งเล่นมากครั้ง ระดับความยากก็ยิ่งเพิ่มสูง คนที่ถูกจับได้จะต้องถูกลงโทษ จากโทษเล็กในตอนเริ่มต้นกลายเป็นโทษใหญ่ การลงโทษยิ่งทำให้ขายหน้าเท่าไร ในใจของทุกคนก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นหวาดกลัว จึงพยายามสุดชีวิตที่จะซุกซ่อนตัว
ไม่มีผู้ใดอยากอยู่อันดับสุดท้าย ดังนั้นต่างจึงสำแดงความสามารถของตน ทุ่มเทความคิดหาวิธีซ่อนตัวต่างๆ นานา ซ่อนอยู่ในโคลนเลนสกปรก แต่งตัวเป็นสัตว์เล็กมุดเข้าไปอยู่ในถ้ำของสัตว์หรือฝังตัวอยู่ในกองกระดูกคนตาย เรื่องที่เลยเถิดอะไรล้วนทำออกมาได้ทั้งนั้น และอูมู่ฉินรู้ว่าจะให้คนหาตัวไม่พบก็ต้องกลืนกลายไปกับสภาพแวดล้อม ด้วยเหตุนี้นางจึงทำให้ตนเองเหม็นเหมือนกับพวกสุนัขป่า เพราะสุนัขป่าวิ่งไปทั่ว ไม่ทำให้คนสงสัย และสามารถอำพรางตัวนางได้
เพื่อไม่ให้คนแซ่ตันจับตัวนางได้ นางไม่อาจทิ้งร่องรอยเบาะแสอะไรไว้ นี่เป็นการต่อสู้กันด้วยสติปัญญา ไม่ว่าอย่างไรวรยุทธ์ของนางก็สู้ตันไหวชิงไม่ได้ ได้แต่ใช้สติปัญญาเอาชนะ
ถ้าไม่ใช่นางเผยร่องรอยออกไปเอง หม่าเฉวียนไม่มีทางสังเกตเห็นนางได้
ไป่หลี่ซีไหนเลยจะรู้ว่านางก็คือคนที่ตันไหวชิงต้องการจะจับตัว เขารู้เพียงหญิงโง่งมผู้นี้ปล่อยให้ตนเองย่ำแย่เพียงนี้ ทำให้เขาโมโหอย่างมาก
เขาลากตัวนางมาจนถึงลานด้านหลังกระท่อม ผลักนางเข้าไปในห้องอาบน้ำและเอ่ยสั่งด้วยความโมโห “รออยู่ที่นี่!”
นางรีบผงกศีรษะหงึกหงัก
ไป่หลี่ซีถลึงตาใส่นางทีหนึ่งแล้วจึงหมุนตัวเดินไป
อูมู่ฉินรออย่างว่าง่าย นางไม่กลัวเขาโกรธ นางเพียงรู้สึกว่าสนุก พร้อมกันนั้นก็อยากรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
ครู่เดียวก็เห็นเขาถือเสื้อผ้ามาชุดหนึ่งยัดใส่มือนาง
“ชำระล้างเนื้อตัวตั้งแต่หัวถึงเท้าให้สะอาดเอี่ยม” เขาทิ้งคำสั่งขู่ขวัญประโยคนี้ไว้ หมุนตัวจะเดินจากไป แต่พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ หันหน้ากลับมาตั้งกระทู้ถามทันที “ข้าให้เสื้อผ้าเจ้าไปสามชุด นอกจากชุดที่เจ้าสวมอยู่แล้ว อีกสองชุดที่เหลือเล่า”
นางมองเขาอย่างหวั่นหวาด ก่อนจะเผยรอยยิ้มเก้อเขิน “เหลือแค่ชุดนี้…” ชุดอื่นตอนนางทำลายค่ายกลก็ล้วนฉีกขาดทั้งหมด สวมใส่ไม่ได้แล้ว
ไป่หลี่ซีหางตากระตุก เขาไม่รู้ที่เสื้อผ้านางขาดรุ่งริ่งเพราะเกิดจากการทำลายค่ายกล คิดว่านางจะต้องเจอสัตว์ป่าอะไรบนภูเขาอย่างแน่นอน เมื่อถูกวิ่งไล่ก็หกล้ม จากนั้นเสื้อผ้าถูกเกี่ยวขาด ถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หาไม่เสื้อผ้าดีๆ จะฉีกขาดอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร
ความรู้สึกที่เขามีต่อนางคือทั้งปวดใจทั้งเดือดดาล อยากด่านาง แต่พอเห็นท่าทางหวั่นหวาดขลาดกลัวของนาง ดวงตาคู่นั้นดูใสซื่อไร้ความผิดจึงกดข่มเพลิงโทสะเอาไว้
หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้ตายอยู่ในป่าเขารกร้างเปล่าเปลี่ยวก็นับว่านางดวงแข็งแล้ว!
“ใส่ของข้าไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยหาชุดใหม่กลับมาให้เจ้า” เขาทิ้งคำพูดไว้แล้วก็หมุนตัวสาวเท้ายาวๆ เดินจากไป กระทั่งเงาด้านหลังก็ยังเจือความกรุ่นโกรธ
นางถือเสื้อผ้าอยู่ในมือ คลี่ออกมาดูเห็นเป็นเสื้อกับกางเกงของเขา
ในที่สุดนางก็หัวเราะพรืดออกมา นึกไม่ถึงว่าที่เขาพานางกลับมาก็เพราะทนดูนางสกปรกมอมแมมเช่นนี้ไม่ได้ ตัวโง่งมผู้นี้ เขาเป็นห่วงนางจริงด้วย
อูมู่ฉินไม่ถือสาแม้แต่น้อยที่เขาบันดาลโทสะใส่นาง ในใจกลับรู้สึกดีใจ บุรุษผู้นี้แม้ใบหน้าเย็นชาแต่หัวใจอบอุ่นยิ่งนัก
ยามนางเป็นประมุขหุบเขา ฐานะปูแผ่อยู่ตรงหน้า รูปโฉมก็สะสวยงดงาม ผู้อื่นดีต่อนางย่อมเป็นเรื่องสมเหตุผล แต่เวลานี้นางปิดบังรูปโฉม ทั้งสกปรกทั้งเหม็น เขาไม่เพียงไม่รังเกียจนาง ยังดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทำให้หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่น ซาบซึ้งตื้นตันใจยิ่ง
นางคิดมาโดยตลอดว่าผู้คนที่ด้านล่างภูเขาเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อนเสียส่วนใหญ่ จิตใจก็คับแคบ ชอบซุบซิบนินทาว่าร้ายผู้อื่นลับหลัง แต่บุรุษที่ซื่ออย่างหม่าเฉวียนนางเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
ไม่รู้ว่ากับสตรีอื่นเขาได้เอาใจใส่เช่นนี้หรือไม่ หรือว่าสำหรับเขาแล้วนางพิเศษกว่าสตรีคนใด ถ้าเขาไม่สนใจนาง แล้วเหตุใดจึงได้เดือดดาลเช่นนั้น
คิดมาถึงตรงนี้นางก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ในใจหวานล้ำ
ตอนนางอาบน้ำ ไป่หลี่ซีไปทำอาหารที่ห้องครัว เขาเอาเนื้อหมักเกลือออกมา พลันนึกได้ว่านางบอกเนื้อหมักเกลือไม่อร่อย เขาลังเลอยู่ชั่วขณะแล้วเอาเนื้อหมักเกลือวางกลับลงไปในไห เอาไก่ฟ้าที่ล่ามาได้ในวันนี้ออกมา แล้วเริ่มถอนขนเอาเครื่องในออก
เขาวุ่นวายอยู่ในห้องครัวพักใหญ่ก็นำบะหมี่สองชามใหญ่และเนื้อไก่ฟ้าผัดมาวางบนโต๊ะ
ตอนเขาเข้ามาในบ้าน มู่เอ๋อร์อาบน้ำเสร็จแล้ว ยืนอยู่ในห้องรอเขา พอเขาเห็นนางก็อึ้งตะลึงไป
เสื้อผ้าตัวกว้างของบุรุษถูกสวมใส่อยู่บนร่างของนาง ห่อหุ้มร่างอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวไว้ เสื้อผ้าแนบติดเนื้อตัว เส้นโค้งเส้นเว้าที่อยู่ข้างในถูกขับดุนให้เด่นขึ้น เส้นผมบนศีรษะที่เพิ่งแห้งได้สามส่วนของนางปล่อยสยายลงมา เผยให้เห็นด้านที่งดงามละมุนละไม หยดน้ำบนเส้นผมหยดถูกเสื้อ ทำให้เนื้อผ้ายิ่งแนบตัว
นางที่เป็นเช่นนี้ดูงดงามชวนลุ่มหลงอย่างคาดคิดไม่ถึง และทำให้คนลอบมองส่วนโค้งส่วนเว้าที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้า นาง…ดูอวบอิ่มมีเนื้อมีหนังมากกว่าที่คิด
ไป่หลี่ซีมองจ้องนางแล้วจึงนึกขึ้นได้ เขาเอาเสื้อผ้าของตนให้นางยืม แต่เพราะเขาไม่มีเอี๊ยมของอิสตรี ดังนั้นข้างในนางจึงไม่ได้ใส่อันใดเลย และเมื่อครู่เขาเพียงคิดอยากให้นางล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดแต่โดยเร็ว ลืมนึกถึงเรื่องที่ต้องป้องกันระหว่างบุรุษสตรี เวลานี้เมื่อได้มาเห็นนาง เรือนร่างที่งดงามน่าประทับใจก็พลันปรากฏต่อสายตา ปลุกเร้าความคิดต่างๆ นานาภายในใจของเขา
“เอ๋? พี่ชาย นี่ให้ข้ากินหรือ” อูมู่ฉินมองบะหมี่ที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความประหลาดใจ
ไป่หลี่ซีดึงสายตากลับ หลบสายตา ทรุดตัวลงนั่ง
“กิน” เขาสั่ง
อูมู่ฉินรีบนั่งลง หยิบตะเกียบขึ้นมาด้วยความเบิกบานใจ ท้องของนางหิวแล้วจริงๆ หลายวันมานี้กินแต่ผลไม้ป่าจนเบื่อแล้ว เวลานี้มีเนื้อสัตว์ให้กินนางย่อมดีใจ
ไป่หลี่ซีหยิบตะเกียบขึ้นมากินบะหมี่ เขาปั้นหน้าขรึม ไม่มองร่างกายของนางอีก เพียงคิดในใจว่าต้องรีบหาเสื้อผ้าอิสตรีมาสักหลายชุด ไม่อาจให้นางสวมเสื้อผ้าเช่นนี้ เพราะดูช่าง…ขัดหูขัดตาเขายิ่งนัก!