ตอนที่ 3
หลี่เมิ่งซีพิจารณาอี๋เหนียงทั้งสี่ที่เข้ามา อี๋เหนียงใหญ่สวมชุดสีน้ำเงิน รูปร่างค่อนข้างท้วม ดูอ่อนโยนและเป็นคนเงียบ เห็นหลี่เมิ่งซีมองมาก็รีบก้มหน้า อี๋เหนียงรองสวมชุดสีฟ้าอมเขียว ร่างสูงโปร่ง มีทรวดทรงองค์เอว ก้มหน้าตลอดเวลา ให้ความรู้สึกแข็งทื่ออยู่บ้าง อี๋เหนียงสามสวมชุดเขียว ใบหน้ารูปไข่ ตาโตมีชีวิตชีวาคู่นั้นดูน่ารักเป็นพิเศษ เซียวจวิ้นคงจะชอบดวงตาคู่นี้กระมัง หลี่เมิ่งซีคิด ดวงตาจับจ้องอี๋เหนียงสาม ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่หลบ ทั้งยังจ้องกลับมาอย่างเปิดเผย
หลี่เมิ่งซีสีหน้าไม่เปลี่ยน แล้วเลื่อนสายตาไปยังอี๋เหนียงสี่ต่อ อี๋เหนียงสี่สวมชุดสีชมพู เครื่องประดับบนศีรษะทอประกายระยับวับวาว ไหล่บางเอวคอด ใบหน้ารูปเมล็ดแตง ดวงตาเปล่งประกาย ดูมีเสน่ห์เย้ายวนไปอีกแบบ ราวกับนางจิ้งจอกกลับชาติมาเกิดก็ไม่ปาน หลี่เมิ่งซีมองนาง ส่วนนางก็จ้องตาหลี่เมิ่งซีกลับเช่นกัน ในดวงตายังแฝงแววดูแคลนอยู่ด้วย
อนุถือเป็นบ่าว บ่าวไม่อาจจ้องตากับเจ้านายตรงๆ ได้ การกระทำของอี๋เหนียงสามกับอี๋เหนียงสี่กล่าวได้ว่าเสียมารยาทมาก ทว่าสีหน้าของหลี่เมิ่งซียังคงสุขุมเยือกเย็น พยักหน้ากับหงจูนิดๆ หงจูก็รับเบาะรองอันหนึ่งจากมือสาวใช้มาปูลงบนพื้น
อี๋เหนียงใหญ่ก้าวออกมาก่อน คุกเข่าลงบนเบาะรอง โขกศีรษะให้หลี่เมิ่งซีสามที รับน้ำชาจากมือสาวใช้และยกขึ้นสูงเหนือศีรษะ “อนุคารวะสะใภ้รอง ขอให้สะใภ้รองมีความสุขสมบูรณ์เจ้าค่ะ”
หลี่เมิ่งซีรับน้ำชามา เปิดฝาและดื่มอึกหนึ่ง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา เอ่ยสั่งสอนให้อีกฝ่ายรักษากฎธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด ปรนนิบัติคุณชายรองให้ดี เลียนแบบคำพูดของนายท่านใหญ่ นายหญิงใหญ่เมื่อเช้ามาทุกประการ หลี่เมิ่งซีลอบเลื่อมใสในความหัวไวของตนเอง สามารถขโมยลิขสิทธิ์ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ แล้วให้หงจูมอบของขวัญที่เตรียมไว้ออกไป ก่อนจะโบกมือให้อี๋เหนียงใหญ่ลุกขึ้นและถอยไปด้านข้าง
อี๋เหนียงรอง อี๋เหนียงสามยกน้ำชาตามลำดับ หลี่เมิ่งซีรับมาดื่มทั้งหมดและมอบของขวัญให้ อี๋เหนียงสี่ก้าวออกมาคุกเข่าเป็นคนสุดท้าย โขกศีรษะสามที รับน้ำชาจากมือสาวใช้และยื่นไปตรงหน้าหลี่เมิ่งซีทันที
“อนุคารวะสะใภ้รอง ขอให้สะใภ้รองมีความสุขสมบูรณ์เจ้าค่ะ”
ตั้งแต่อี๋เหนียงสี่แต่งเข้ามาก็เป็นที่รักใคร่ของคุณชายรองมาก อี๋เหนียงทั้งสามแม้จะแต่งเข้ามาก่อน แต่อาศัยว่าคุณชายรองตามใจตนจึงกลั่นแกล้งอี๋เหนียงทั้งสามทั้งต่อหน้าและลับหลังไม่น้อย อี๋เหนียงทั้งสามได้แต่โกรธทว่าไม่กล้าปริปาก นานวันเข้า สตรีในเรือนคุณชายรองนางจึงนับว่าใหญ่ที่สุด วันนี้มีสะใภ้รองเข้ามาใหม่ นางจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างของผู้อื่นได้อย่างไร อีกทั้งปกติได้ยินคุณชายรองบ่นไม่น้อยว่าไม่ชอบการแต่งงานครั้งนี้ ทั้งรังเกียจสะใภ้รองผู้นี้ ดังนั้นในใจนางจึงคิดว่าหลี่เมิ่งซีผู้นี้ไม่คู่ควรที่จะได้ตำแหน่งภรรยาเอก
แต่ถึงอย่างไรหลี่เมิ่งซีก็เป็นภรรยาที่นั่งเกี้ยวแปดคนหาม ถูกหามผ่านประตูหลักเข้ามา สกุลเซียวเป็นสกุลสูงศักดิ์ เคร่งครัดกับกฎธรรมเนียม อนุต่อให้ได้รับความรักใคร่เพียงใดก็ไม่อาจฝ่าฝืนกฎธรรมเนียม นางยังคงต้องแทนตัวกับภรรยาว่า ‘อนุ’ หาไม่แล้วคนที่จะถูกไล่ออกจากบ้านก็คือนาง ในยุคโบราณ อนุก็เหมือนเป็นเพียงสิ่งของชิ้นหนึ่ง
หลี่อี๋เหนียงคิดว่าสะใภ้รองผู้นี้ไม่คู่ควรที่นางจะคุกเข่าและโขกศีรษะให้ แต่นางก็ยังต้องคุกเข่า ต้องโขกศีรษะ ต้องคารวะอีกฝ่าย นี่เป็นจุดที่ทำให้อี๋เหนียงสี่ขุ่นเคืองไม่พอใจ นางเป็นดั่งดวงใจของคุณชายรอง สะใภ้รองเพิ่งแต่งเข้ามา เพื่อให้ได้รับความชื่นชอบจากคุณชายรองแล้ว สะใภ้รองจะกล้าแตะต้องคนโปรดของคุณชายรองเช่นนางได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้หลี่อี๋เหนียงจึงต้องการวางอำนาจกับสะใภ้รองผู้นี้
ยกน้ำชาอยู่นาน พบว่าสะใภ้รองไม่ยอมรับเสียที เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าสะใภ้รองนั่งสง่างามอยู่บนเก้าอี้ มือถือชาถ้วยหนึ่ง เป่าแล้วเป่าอีกราวกับน้ำชาถ้วยนั้นร้อนเป็นพิเศษ ไม่อาจเป่าให้เย็นลงได้ในเวลาสั้นๆ แต่สะใภ้รองมีความอดทน ต้องรอจนกว่าน้ำชาจะเย็นถึงค่อยดื่ม