ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 7
หลังอาหารกลางวัน นางให้หงจูประคอง พาสาวใช้สองคนมาที่เรือนปีกตะวันออก คิดว่ามาดูสถานที่ก่อน วันหน้าค่อยคิดหาเหตุผลย้ายมาที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน
เรือนปีกตะวันออกนี้ประกอบด้วยห้องใหญ่สามห้อง เข้าประตูเดินอ้อมฉากบังลมไปก็จะเจอห้องโถงใหญ่ ให้อี๋เหนียงทั้งหลายมาคารวะที่นี่ทุกวันก็ไม่เลวเหมือนกัน หลี่เมิ่งซีคิดพลางเดินไปยังห้องทิศเหนือ นี่เป็นห้องนอน เครื่องเรือนในห้องเมื่อเทียบกับในห้องหอของนางแล้วดูเก่าโทรมกว่ามาก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสกุลสูงศักดิ์ แม้จะเก่าโทรม แต่ก็ดีกว่าชาวบ้านทั่วไปเป็นร้อยเป็นพันเท่า เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าต่างของห้องทิศเหนือก็จะ มองเห็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ด้านหลังได้พอดี ตกแต่งซ่อมแซมเรียบร้อยเป็นสัดส่วน เป็นสถานที่สงบเงียบงดงามแห่งหนึ่ง หลี่เมิ่งซีหลงรักที่นี่ในทันที นางอยากจะย้ายมาเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่เพิ่งแต่งงานเป็นวันที่สาม นางมิอาจทำอะไรโจ่งแจ้งเกินไปได้ จัดเก็บก่อนค่อยว่ากัน
“ปกติคุณชายรองมาที่นี่หรือไม่” เดินวนอยู่ในห้องทิศเหนือรอบหนึ่ง หลี่เมิ่งซีจึงหันไปถามหงจูที่อยู่ด้านข้าง
“ปกติเวลาคุณชายรองกลับมาที่เรือน เวลาส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในห้องหนังสือใน เรือนปีกข้างสองฝั่งนี้ว่างตลอดเจ้าค่ะ จึงไม่มีการจัดวางเครื่องเรือนมากนัก”
หลี่เมิ่งซีมองเครื่องดินเผาและของสะสมโบราณบนชั้นวางทั้งสองฝั่ง ไม่มีชิ้นใดไม่สะท้อนความหรูหรา อย่างนี้ก็เรียกว่า ‘ไม่มีการจัดวางเครื่องเรือน’ หรือ
“สินเจ้าสาวของข้าอยู่ที่ใด”
กำลังพูดถึงเรื่องห้อง จู่ๆ ก็ถามถึงสินเจ้าสาว ความคิดของสะใภ้รองผู้นี้เปลี่ยนเร็วเกินไปแล้ว หงจูมองสะใภ้รองอย่างประหลาดใจพลางตอบ “ล้วนวางอยู่ในห้องทิศตะวันตกของเรือนกลางในสภาพเดิมไม่มีการแตะต้องเจ้าค่ะ คิดว่ารอไว้วันใดสะใภ้รองมีเวลา ตรวจสอบแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรเจ้าค่ะ”
“ดี ส่งคนมาปัดกวาดทำความสะอาดที่นี่ แล้วขนสินเจ้าสาวเข้ามาไว้ในห้องทิศใต้ของเรือนปีกตะวันออก โต๊ะเล็กกับโต๊ะยาวพวกนี้ขนออกไป ภาพติดผนังพวกนั้นเก็บเอาไว้ ตรงนี้เอาโต๊ะเขียนหนังสือมาตั้งสักตัวจะได้อ่านหนังสือคัดอักษรได้ หาเครื่องเขียนและส่งมาที่นี่ด้วย ใช่แล้ว ตรงหน้าต่างวางตั่งนุ่มอีกตัว ของใช้บนเตียงไม่เอาสีแดง อืม เอาสีชมพูแล้วกัน!”
“สะใภ้รองจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” หงจูฟังการจัดการของสะใภ้รองแล้วรีบถาม
“คิดว่าหากจัดเสร็จแล้ว เอาไว้มาอ่านตำราคัดอักษรที่นี่ก็ไม่เลว”
“หากสะใภ้รองจะคัดอักษรจริง ที่เรือนนี้ก็มีห้องหนังสือโดยเฉพาะ ยังสามารถสร้างอีกห้องไว้ในห้องทิศใต้ ธรรมเนียมที่ไหนจะวางโต๊ะเขียนหนังสือไว้ในห้องนอนเล่าเจ้าคะ!”
“ไม่ได้? สกุลเซียวมีกฎเกณฑ์ข้อนี้ด้วยหรือ”
ฟังหงจูพูดเช่นนี้แล้วหลี่เมิ่งซีก็อดอึ้งไปไม่ได้ นางแค่คิดว่าหากวางโต๊ะเขียนหนังสือไว้ในห้องนอน เช่นนี้เวลานางอ่านตำรา หัดคัดอักษรจนเหนื่อยก็จะได้นอนพักผ่อนบนเตียงได้เลย ชีวิตในยุคปัจจุบันของนางก็เป็นเช่นนี้จึงไม่ทันคิดว่าจะสอดคล้องกับกฎธรรมเนียมหรือไม่ พอหงจูพูดขึ้นมา นางก็ตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นทั่วทั้งตัว สองวันนี้นางตระหนักดีถึงความน่ากลัวของกฎธรรมเนียมในคฤหาสน์ ดังนั้นจึงระวังรอบคอบอยู่เสมอ คิดว่าหากไม่สอดคล้องกับกฎธรรมเนียมจริงๆ ก็จะยกโต๊ะเขียนหนังสือไปตั้งในห้องทิศใต้ นอกจากนี้ หากนางมีเวลาเมื่อไรก็จะต้องศึกษากฎบ้านของคฤหาสน์สกุลเซียวให้ละเอียดเสียแล้ว หาไม่วันใดไม่ระวังพลาดพลั้งเหยียบถูกระเบิดเข้า ร่างกายจะแหลกสลายเป็นผุยผง
หงจูคิดในใจ ไฉนคำพูดนี้จึงฟังดูเหมือนจับผิดนางเช่นนี้เล่า นางเองก็เตือนสะใภ้รองด้วยความหวังดีเท่านั้น เหลือบมองสะใภ้รองแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยตอบอย่างระวัง “ไม่ใช่กฎบ้านของสกุลเซียวเจ้าค่ะ แต่เป็นธรรมเนียมทั่วไป ครอบครัวทั่วไปไม่มีการจัดวางเช่นนี้ มีแต่บ้านของคนจนเท่านั้น เนื่องจากมีห้องน้อยเกินไปจึงจัดห้องหนังสือไว้ในห้องนอน”
“ไม่ใช่กฎบ้านก็ดีแล้ว จัดตามที่ข้าบอกเถอะ!”
“เครื่องเรือนในห้องนี้เรียบง่ายเกินไป ทั้งยังถูกขนออกไปบางส่วน สะใภ้รองไปเรียนคุณชายรองดีหรือไม่เจ้าคะ จะได้ซื้อหาเพิ่มบางส่วน”
“ไม่ต้อง แบบนี้ก็ดีแล้ว ย้ายชั้นวางอันนั้นรวมถึงของตกแต่งไปไว้ในคลัง”
“เช่นนั้นห้องนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้วสิเจ้าคะ”
“ข้าชอบแบบนี้ กว้างขวางโปร่งโล่ง ใช่แล้ว เรื่องห้องยังไม่ต้องบอกคุณชายรอง วันหลังข้าจะบอกเขาเอง”
หงจูไม่กล้าพูดมากต่อหน้าสะใภ้รองอีก ตอนนี้นางยินดีเหลือเกินที่ไม่ต้องบอกเรื่องพวกนี้กับคุณชายรอง ถึงอย่างไรคุณชายรองก็ไม่ย่างเท้ามาที่นี่อยู่แล้ว สะใภ้รองผู้นี้อยากจัดการเช่นไรก็ตามใจนางเถอะ ปิดบังคุณชายรองได้ยิ่งดี หาไม่ย่อมเป็นการหาเรื่องใส่ตัวโดยไม่จำเป็น คิดเช่นนี้แล้วจึงพยักหน้า “สะใภ้รองวางใจเถอะเจ้าคะ บ่าวทราบว่าควรทำอย่างไร”
ออกจากห้องทิศเหนือ หลี่เมิ่งซีก็ไปที่ห้องทิศใต้ ห้องทิศใต้มีรูปแบบเหมือนห้องโถงขนาดเล็ก เล็กกว่าห้องทิศเหนือเล็กน้อย ห้องทิศเหนือมีการกั้นแบ่งบริเวณชั้นนอกสำหรับสาวใช้ที่เฝ้าเวรตอนกลางคืน ทว่าห้องทิศใต้กลับไม่มี หลี่เมิ่งซียังคิดไม่ออกชั่วขณะว่าห้องทิศใต้จะใช้ทำสิ่งใดดี นางจึงไม่ได้สั่งให้คนจัดห้อง เพียงให้ทำความสะอาดเท่านั้น หันกลับไปเงยหน้ามอง เห็นผนังตรงข้ามกับหน้าต่างแขวนภาพไว้ภาพหนึ่ง เป็นดอกเหมยกิ่งหนึ่งที่อยู่กลางหิมะอย่างเดียวดาย นางจึงอดคิดถึงตนเองไม่ได้ นางก็เหมือนกับกิ่งเหมยกลางฤดูหนาวกิ่งนี้ เป็นวิญญาณเร่ร่อนที่อ้างว้างซึ่งเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่คุ้นเคย อาศัยอยู่ในคฤหาสน์สกุลเซียวหลังใหญ่ตามลำพัง ความปรารถนามีเพียงได้มีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น ไยจึงถูกดึงเข้ามาพัวพันกับการแก่งแย่งชิงดีระหว่างภรรยากับอนุได้หนอ นางคิดแล้วก็ท่องกลอนบทหนึ่งออกมา
“ริมสะพานนอกจุดพักม้า ดอกเหมยบานเหว่ว้าไร้คนชม
ยามเย็นอ้างว้างแสนขื่นขม เผชิญลมฝนโหมกระหน่ำ
หาได้คิดแก่งแย่งแข่งขัน หาได้ท้าประชันมวลบุปผา
แม้นวันหนึ่งร่วงโรยรา สุคนธากำจายไม่จากจร”
“สะใภ้รองแต่งกลอนเก่งยิ่งนัก เหมยแดงกลางหิมะ ความหมายงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ” หงจูฟังแล้วอดตะลึงไม่ได้
หลี่เมิ่งซีหันไปมองหงจู “เจ้าไม่เคยได้ยินกลอนบทนี้หรือ”
“กลอนบทนี้สะใภ้รองเป็นผู้แต่งขึ้นมามิใช่หรือเจ้าคะ”
“นี่เป็นบทกลอนที่คนรุ่นก่อนแต่งขึ้น” หลี่เมิ่งซีจำได้ว่ากลอนบทนี้เป็นของลู่โหยว นางจึงพูดเช่นนี้
“คนรุ่นก่อน? ใครหรือเจ้าคะ กลอนของคนรุ่นก่อนส่วนใหญ่บ่าวเคยอ่านมาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้ยินกลอนบทนี้เลยจริงๆ เจ้าค่ะ” หงจูถามต่อ
หลี่เมิ่งซีนึกขึ้นได้ว่าตนไม่รู้ประวัติศาสตร์ของต้าฉีแม้แต่น้อย แต่นางมั่นใจว่าที่นี่มิใช่ยุคสมัยที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของมิติที่นางจากมาแน่นอน ดูท่าแล้วต้าฉีแห่งนี้คงแตกต่างไปจากประวัติศาสตร์ในสมัยถังซ่งที่นางรู้จักแน่ คิดเช่นนี้แล้วนางจึงไม่พูดมากอีก ตอบเพียงว่า “ข้าแค่รู้สึกว่ากลอนบทนี้เหมาะกับภาพนี้มาก มิสู้หาคนเขียนและใส่กรอบเอาไว้ นำมาแขวนไว้ข้างภาพนี้ จะได้เป็นดังคำกล่าวที่ว่า บทกลอนสะท้อนภาพวาด…ภาพวาดเป็นไปตามบทกลอน”
หงจูมองหลี่เมิ่งซีอย่างแปลกใจ ทั้งที่แต่งขึ้นเอง แต่กลับไม่ยอมรับ นางคิดในใจ คงกลัวคุณชายรองรู้เข้าแล้วจะไม่ชอบกระมัง ความจริงคุณชายรองไม่เหมือนกับคนอื่น หาได้คร่ำครึถึงเพียงนั้นแต่อย่างใด ย่อมไม่คิดว่าสตรีไร้ความสามารถถือเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง สตรีที่คุณชายรองชอบอย่างแท้จริงคือสตรีที่มีความรู้ความสามารถ ดูจากสาวใช้รุ่นใหญ่ที่เลือกไว้ปรนนิบัติข้างกายก็รู้แล้ว ใครบ้างที่ไม่รู้จักโอ้อวดความรู้ด้วยน้ำหมึก แต่งโคลงกลอนแสดงพรสวรรค์ หลี่อี๋เหนียงเป็นที่ชื่นชอบถึงเพียงนั้นยังมิใช่เพราะแต่งโคลงกลอนเป็นอยู่บทสองบทหรอกหรือ
อ้าปากแล้ว คิดๆ ดูก็ไม่พูดดีกว่า หงจูรีบผงกศีรษะรับคำพลางคิดในใจ ยังจะต้องไปขอให้ใครเขียนอีกเล่า เห็นทีสะใภ้รองจะไม่รู้จักชื่อเสียงของสามีตนเองในเมืองผิงหยาง คุณชายรองกับหลี่จั้นที่ปรึกษาขององค์รัชทายาทคนปัจจุบัน โอวหยางจู๋ซื่อจื่อของสกุลใหญ่โอวหยาง และเถาจวิ้นตงเซียนแห่งกวีล้วนมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับการเรียกขานว่าสี่ผู้มีพรสวรรค์ คุณชายรองโดดเด่นเรื่องอักษรและภาพวาด ภาพนี้เป็นภาพที่คุณชายรองวาดไว้สมัยวัยเยาว์ ตัวอักษรของคุณชายรองก็ทรงพลัง พลิ้วไหวฉวัดเฉวียน รอให้ร่างกายของคุณชายรองดีขึ้นสักหน่อยค่อยขอให้เขาเขียนก็ได้ บทกลอนของสะใภ้รองคู่กับภาพวาดและอักษรของคุณชายรอง แขวนไว้ตรงนี้ ช่างเข้ากันโดยแท้!
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 28 มีนาคม)