สี่เอ๋อร์พยักหน้าอย่างแรง ก่อนจะสะกิดใจจนร้องขึ้นมา “ข้าก็ว่าที่ใดที่ผิดแปลกไป ปกตินางมักจะพาคนกลุ่มหนึ่งเดินลอยชายไปมา ชอบให้คนพินอบพิเทานางเป็นที่สุด แต่วันนี้กลับมีแค่นางเพียงคนเดียว แม้แต่สาวใช้สักคนยังไม่มี…อ้อ ยังมีอีก ทั้งที่นางเห็นพี่อาเม่ยอยู่ในห้องยากลับไม่ทักทาย พี่อาเม่ยเป็นคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่า หากเป็นยามปกตินางคงต้องปราดเข้าไปทักทายเสียด้วยซ้ำ!”
เฉียวจือซูฟังไปพลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เปลวไฟจากตะเกียงน้ำมันไหวระริก สะท้อนให้นัยน์ตาเขาทอประกายเป็นพิเศษ
เนิ่นนานสี่เอ๋อร์ถึงได้ยินเขาถามอีก “ฮูหยินสี่แท้งเพราะเหตุใด”
“มีวันหนึ่งตื่นมาตอนเช้า ฮูหยินรู้สึกว่าตนเองนอนตกหมอน พี่อาเม่ยจึงเข้ามานวดให้นาง ไฉนเลยจะรู้ พอตกบ่ายฮูหยินกลับปวดท้อง จากนั้นก็…เฮ้อ…”
“แม่นางอาเม่ยเคยนวดให้ฮูหยินสี่หรือ” เฉียวจือซูชี้สะบักของตนเองและถาม “ตรงนี้ใช่หรือไม่”
“หือ?” สี่เอ๋อร์นึกอยู่พักใหญ่ ก่อนส่ายหน้าอย่างเป็นทุกข์ “จำไม่ได้แล้ว จำได้แค่พี่อาเม่ยทุบๆ ตีๆ ที่บ่าฮูหยินสี่ ฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อยแข้งปวดขา ยามปกติก็จะเป็นพี่อาเม่ยที่นวดให้ทั้งนั้น ช่วงนั้นฮูหยินสี่ตั้งครรภ์ ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมใส่ใจฮูหยินสี่เป็นพิเศษ ทว่าพอไม่ได้ตั้งครรภ์แล้วนางก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที” สี่เอ๋อร์โมโหระคนเสียดาย “ก่อนหน้านี้อยู่ร่วมกันดีๆ มาตลอด ยังไปซื้อยาบำรุงครรภ์มาให้โดยเฉพาะ”
“ใครเป็นคนจ่ายยา”
“หมอหลินในสำนักซิ่งหลินเจ้าค่ะ และทุกครั้งต้องเป็นศิษย์ฝีมือดีของหมอหลินตู้จื่อเฟยเป็นผู้จัดยาให้เองกับมือ”
“สำนักซิ่งหลินอีกแล้วหรือ” เฉียวจือซูหรี่ดวงตา
“สำนักซิ่งหลินมีชื่อเสียงที่สุดในแถบนี้ หมอหลินจิตใจดีงามวิชาแพทย์ล้ำเลิศ ได้ยินว่าบรรพบุรุษของเขาเคยเป็นหมอหลวงในวังด้วยนะเจ้าคะ อาการปวดข้อของฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้เขาช่วยรักษามาตลอด ดังนั้น…”
“ใบสั่งยานั้นยังอยู่หรือไม่”
“เป็นเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว ผู้ใดจะยังเก็บใบสั่งยาไว้อีก ข้าฟังแล้วเหมือนจะชื่อตำรับยาเชียนจินเป่า…” สี่เอ๋อร์คิดอยู่นานสองนานก็คิดไม่ออก
“เชียนจินเป่าอวิ้นทัง* ?” เฉียวจือซูเอ่ยชื่อออกมา
“ใช่ๆ เป็นอันนั้น!”
เฉียวจือซูเงียบขรึมไป สายลมเอื่อยลอดผ่านกรอบหน้าต่างพัดเปลวเทียนไหวระริกติดๆ ดับๆ สะท้อนวูบวาบในดวงตาเขา สี่เอ๋อร์เห็นเขาคล้ายกำลังครุ่นคิดจึงไม่กล้ารบกวน
นางรออยู่ด้านข้างราวหนึ่งถ้วยชาจึงทนไม่ไหวถามขึ้น “ท่านหมอซู มีปัญหาอะไรอีกหรือไม่เจ้าคะ”
เฉียวจือซูหลุดจากภวังค์ พลางยิ้มน้อยๆ เอ่ย “ตอนนี้ไม่มีแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ!”
สี่เอ๋อร์พยักหน้า เดินถึงหน้าประตูก็อดเหลียวกลับมากำชับไม่ได้ว่า “ใต้เท้าให้เวลาท่านแค่สามวัน แต่ตอนนี้วันที่หนึ่งได้ผ่านไปแล้ว”
เฉียวจือซูยิ้มบางพลางพยักหน้า
“ฮูหยินสี่เป็นกังวลมาก ก่อนข้ามานางให้ข้าเตือนท่านให้ระวังตัวตลอด”
“ขอบใจฮูหยินสี่แทนข้าด้วย” เฉียวจือซูเอ่ย เห็นเงาหลังสี่เอ๋อร์หายไปในสวนอันมืดมิดถึงค่อยปิดประตู เขาเป่าตะเกียงดับ ก่อนเงยหน้าไปทางคานห้องแล้วพูดขึ้น “ลงมาได้แล้ว”