อาหารที่พวกเขาได้รับแจกคือแผ่นแป้งย่างไส้หมูสับ เมื่อคืนทุกคนได้รับความตื่นตระหนก ทั้งกลัวว่ามีมื้อนี้แล้วอาจไม่มีมื้อหน้า จึงกินกันอย่างรู้คุณค่า
หลังจากกินอิ่ม ทหารก็พาหญิงสูงอายุคนหนึ่งเข้ามาแล้วสั่งพวกเด็กๆ “เนื้อตัวพวกเจ้าเหม็นมาก ไปชำระล้างให้สะอาดก่อน เด็กผู้หญิงตามท่านยายไป เด็กผู้ชายตามข้ามา”
พอได้ยินว่าในที่สุดก็จะได้อาบน้ำ อูอีเสวี่ยดีใจยิ่งนัก นางกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ กำลังจะเดินตามท่านยายไป พลันพบว่ามือถูกรั้งไว้ ที่แท้อาหงกุมมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย
นางมองดวงหน้าน้อยที่ดื้อรั้นของอาหงก็รู้ว่าเขาไม่วางใจ จึงยิ้มแล้วเอ่ยปลอบ “วางใจเถิด ไม่เป็นไร เชื่อข้า”
อาหงมองรอยยิ้มสดใสของนาง ไม่รู้ทำไมเขาจึงเชื่อถือนาง เขาพยักหน้าแล้วจึงปล่อยมือ
หลังอาบน้ำเสร็จ ท่านยายและเด็กผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างเห็นดวงหน้าน้อยงดงามอ่อนหวานของอูอีเสวี่ยก็พากันตกตะลึงในความงาม
“นางหนูผู้นี้ช่างสะสวย ใบหน้าดวงนี้งดงามยิ่งนัก ราวกับเทพธิดาตัวน้อยๆ” ท่านยายร้องอุทานไม่หยุด เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ก็เข้ามาห้อมล้อม มองจ้องนางตาไม่กะพริบ
อูอีเสวี่ยเดิมก็เป็นหญิงงาม นางในวัยเด็กย่อมหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ใครเห็นใครรัก นางส่งยิ้มหวานให้ท่านยาย ทำเอาท่านยายจิตใจเบิกบาน ยิ่งปฏิบัติต่อนางด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยนมากขึ้น
“นางหนู เจ้ามาจากที่ใด ชื่อเรียงเสียงใด ที่บ้านยังมีผู้ใดอีกหรือไม่”
“ท่านยาย ข้าชื่ออาเสวี่ย ข้าจะไปเมืองชิงหูหาท่านพ่อท่านแม่ของข้า”
ท่านยายลูบไล้ตัวนางด้วยความรักและสงสาร “นางหนูที่น่าสงสาร ตลอดทางที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากไม่น้อย วางใจ คนเลวเหล่านั้นถูกจับขังไว้หมดแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
อูอีเสวี่ยมองออก ท่านยายผู้นี้เป็นห่วงนางด้วยความจริงใจ นางจึงขยับเข้าไปซุกอกท่านยาย ท่าทางออดอ้อนน่าสงสารทำให้ท่านยายรักและเอ็นดูหมดหัวใจ ทั้งโอบทั้งกอดนาง เต็มไปด้วยความเวทนาสงสาร
อูอีเสวี่ยออกมาจากห้องอาบน้ำ รูปร่างหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูดึงดูดความสนใจจากผู้ใหญ่หลายคน ทหารเหล่านั้นต่างมองแม่หนูน้อยผู้นี้ มองแล้วมองอีก เด็กผู้ชายพออาบน้ำเสร็จแล้ววิ่งออกมาเห็นอาเสวี่ย ต่างเบิกตาโตจ้องมองนาง อาหงก็มองนางอย่างตะลึงงัน
อูอีเสวี่ยเห็นอาหง ดวงตางามก็เปล่งประกายวาว หึ ที่แท้เขาก็เป็นเจ้าหนูที่หล่อเหลาคนหนึ่ง แม้จะผอมไปหน่อย ดำไปหน่อย แต่ขอเพียงเลี้ยงดูให้ดี เชื่อว่าอีกไม่นานจะต้องได้ชื่อว่าเป็นบุรุษรูปงามคนหนึ่ง
เนื่องจากพวกเขายังเป็นเด็ก ทหารทั้งหลายจึงไม่ระแวงพวกเขา พวกเขาสามารถเดินอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างมีอิสระ อูอีเสวี่ยจึงฉวยโอกาสนี้เดินดูไปทั่วๆ แต่ปัญหาก็มาแล้ว นางเดินไปที่ใด เด็กๆ ก็ตามถึงที่นั่นเป็นพวง แม้แต่อาหงก็คล้ายเป็นองครักษ์ประจำตัวนางเช่นนั้น คอยปกป้องอยู่ข้างกายนางตลอดเวลา
ครานี้อูอีเสวี่ยปวดหัวแล้ว มีผู้ติดตามเป็นเรื่องดี แต่เป้าสายตาใหญ่เกินไป เช่นนี้นางจะแอบไปทำธุระได้อย่างไร ทันใดนั้นสมองพลันสว่างวาบ นางนึกวิธีขึ้นมาได้วิธีหนึ่ง จึงชวนพวกเด็กให้มาเล่นซ่อนหากัน ทุกคนล้วนยังมีจิตใจของเด็ก ทั้งหลุดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจของพวกค้าทาสมาแล้ว กอปรกับทหารเหล่านี้ก็ดีต่อพวกเด็กๆ มาก ดังนั้นพอได้ยินว่าจะเล่นซ่อนหา ทุกคนจึงรับคำด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“อาหง เจ้าเป็นผี ปิดตาแล้วตามหาทุกคน นับถึงร้อย ยังนับไม่ครบห้ามแอบมอง” อูอีเสวี่ยสั่งอาหงทันที นางเป็นลูกพี่ของเด็กๆ คำพูดนางมีน้ำหนัก ขอเพียงให้เขาเป็นคนหา ก็ไม่มีทางตามนางไปได้แล้ว
อาหงจนปัญญาจำต้องปิดตาหันหน้าเข้าหาต้นไม้แล้วเริ่มนับ เด็กๆ รีบแยกย้ายกันไป ต่างหาที่ซุกซ่อนตัว อูอีเสวี่ยกลับฉวยโอกาสนี้ดอดหนีไปอย่างเปิดเผย
โปรดติดตามตอนต่อไป วันที่ 24 เม.ย. 62