กุยหวั่นลอบบอกตนเองว่าคิดมากเกินไปแล้ว อย่างไรเสียคนข้างกายก็เคยให้สัญญาไว้ เขาไม่มีทางทำร้ายนางแน่นอน ในเมื่อไม่ทำร้ายนาง แล้วจะไปสนใจการกระทำต่อคนนอกไปเพื่ออะไร
กุยหวั่นที่จมอยู่ในโลกของตนเองกลับถูกเสียงดนตรีปลุกให้คืนสติอย่างฉับพลัน จึงพบว่าการแสดงดนตรีร่ายรำได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อเงยหน้ามองไปก็เห็นนางรำอายุน้อยหลายคนกำลังร่ายรำ ท่ารำดูพลิ้วไหว ท่วงท่างดงามจับใจ ผสานกับเสียงดนตรีที่เสนาะหู เพียงพริบตาในที่นั้นก็ดูราวกับอยู่ในความฝัน
ในตอนที่งานฉลองดำเนินไปได้พอสมควร ฮ่องเต้ ฮองเฮา และอิ๋งกุ้ยเฟยก็ออกไปก่อนเพื่อพักผ่อนอิริยาบถชั่วคราว หลังจากนี้ครึ่งชั่วยามยังมีการแสดงครึ่งหลัง ได้ยินว่านั่นจึงจะเป็นการแสดงหลักของคืนนี้
ขุนนางพร้อมภรรยาที่อยู่ในตำหนักถือโอกาสที่มีเวลาว่างพากันเดินชมภายในตำหนักจิ่งอี๋ที่สร้างขึ้นใหม่นี้ บรรยากาศผ่อนคลายกว่าตอนกินอาหารเมื่อครู่ไม่น้อย มีเสียงหัวเราะและพูดคุยดังไปทั่ว
ตอนที่งานฉลองใกล้จะพัก โหลวเช่อบอกว่ามีเรื่องต้องปรึกษากับฮ่องเต้ จากนั้นก็เดินออกไป ตอนนี้เหลือนางเพียงคนเดียว เวลากว่าครึ่งชั่วยามนี้จะทำอย่างไรดี กุยหวั่นรู้สึกเบื่อ เลื่อนสายตาไปก็เห็นบรรดาหญิงสาวบ้างก็ล้อมวงคุยกัน บ้างก็จับผีเสื้อชมดอกไม้ จึงได้แต่ถอนหายใจ น่าเสียดายที่ปกตินางไม่มีฮูหยินหรือธิดาของขุนนางชั้นสูงที่สามารถพูดคุยความในใจได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเช่นนี้
แต่จะนั่งนิ่งเฉยต่อไปก็คงไม่เหมาะ กุยหวั่นจึงลุกขึ้น ตัดสินใจจะออกไปเดินเล่นด้านนอก ส่วนประกอบของตำหนักจิ่งอี๋แทบจะไม่แตกต่างจากตำหนักอื่น มีเสาแกะสลักก่ออิฐประดับหยก ดูเพียงไม่นานกุยหวั่นก็เบื่อแล้ว ลอบบ่นในใจว่าฮ่องเต้จะเอาใจอิ๋งกุ้ยเฟย เหตุใดจึงไม่มีความคิดแปลกใหม่เช่นนี้ เดินไปเดินมานางก็เดินไกลจากผู้คนไปโดยไม่รู้ตัว และไม่มีทีท่าจะรู้ตัว มารู้สึกตัวอีกทีนางก็มาถึงตำหนักหลังของตำหนักจิ่งอี๋แล้ว ที่นี่แสงไฟมืดมิด แตกต่างกับตำหนักใหญ่ที่จุดไฟส่องสว่าง เมื่อนางมองไปกลางสวนก็ต้องตกตะลึงทันใด
สระบัว ใบเฟิง และระเบียงทางเดินเหมือนกับจวนอัครเสนาบดีราวกับพิมพ์เดียวกัน แม้แต่ใบไม้สีแดงที่ลอยอยู่บนผิวน้ำในสระก็แทบจะไม่แตกต่าง เกือบจะทำให้นางสงสัยว่าตนเองกลับมาถึงจวนแล้ว
นางตระหนกในใจขณะเดินรอบสระบัว ตอนนี้หัวใจนางหนักอึ้งไม่เหมือนยามปกติที่เดินเล่นในบ้านของตนเอง คิดถึงความหมายที่อิ๋งกุ้ยเฟยทำเช่นนี้แล้ว กุยหวั่นก็ได้แต่ปาดเหงื่อในใจ เรื่องนี้ถ้าให้คนชอบจับผิดหาความรู้เข้า แล้วเอามาเปิดเผย นั่นเป็นความผิดใหญ่หลวงที่สามารถประหารเก้าชั่วโคตรได้เลยทีเดียว แต่พอตรองดู ฟ้าถล่มก็ยังมีโหลวเช่อค้ำอยู่ทั้งคน นางจะกลัวอะไรเล่า
นางเดินต่อไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน ตลอดทางนี้กลับไม่เจอองครักษ์หรือนางกำนัลแม้แต่คนเดียว กุยหวั่นเริ่มผ่อนคลายลง แต่ก็อดฉงนไม่ได้ สวนแห่งนี้จะเหมือนกับจวนอัครเสนาบดีไปทุกส่วนเชียวหรือ นึกขึ้นได้ว่าริมสระบัวมีบันไดหยกที่นางชอบไปนั่งเป็นประจำ กุยหวั่นจึงก้าวเดินลึกเข้าไปในสวน
ริมสระบัวมีบันไดหยกจริงดังคาด ตอนนี้กุยหวั่นต้องยอมนับถืออิ๋งกุ้ยเฟย เห็นทีคงเป็นอีกคนที่ยึดมั่นในความรัก เมื่อพิสูจน์การคาดเดาของตนเองแล้ว กุยหวั่นกำลังจะหมุนตัวเดินกลับไป ทว่าที่ด้านหลังกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น กุยหวั่นประหลาดใจยิ่งเพราะตลอดทางที่เดินมานางไม่เห็นมีผู้ใด แล้วใครกันเดินเข้ามาในสวนเวลานี้
พอหันหน้าไปมอง ผู้ที่เดินมาแต่ไกลถึงกับเป็นโหลวเช่อและอิ๋งกุ้ยเฟย!
กุยหวั่นความคิดชะงักไปชั่วครู่ ลังเลว่าควรจะเข้าไปทักทายดีหรือไม่ สุดท้ายนางก็กัดฟัน หมุนตัวไปหลบอยู่หลังภูเขาจำลองข้างบันไดหยก ในตอนนี้พลันรู้สึกว่าโชคดีที่ทุกอย่างที่นี่เหมือนที่บ้าน ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไม่มีทางถูกใครเห็นแน่นอน