บทที่ 1
“โปรดรับข้าเป็นอนุภรรยาด้วย”
อวี๋เสี่ยวเถารู้ดีว่าเมื่อถ้อยคำไม่กี่คำนี้ออกจากปากนางไปยังต้วนฉางยวนซึ่งนั่งอยู่บนเบื้องสูงแห่งที่นั่งประมุข นั่นคือช่วงเวลาที่ผู้คนกว่าร้อยในโถงแห่งนี้จะดูหมิ่นดูแคลนนางอย่างสาดเสียเทเสีย
สถานที่ที่นางอยู่ในตอนนี้คือปราสาทเขาชิงอวี้ (หยกคราม) ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลในยุทธภพ เมื่อเอ่ยถึงปราสาทเขาชิงอวี้ เสียงยกย่องสรรเสริญใดๆ ที่ได้รับจากผู้คนนั้นล้วนไม่เกินจริงเลย
อาทิถ้อยคำเชิดชูด้านผดุงคุณธรรม ความห้าวหาญ หรือเป็นหนึ่งในใต้หล้า ล้วนตกอยู่ในครอบครองของปราสาทเขาชิงอวี้ สิ่งปลูกสร้างใดๆ ในปราสาทเขาแห่งนี้ล้วนดูใหญ่โตมโหฬาร มิใช่หรูหรางดงามเพียงธรรมดา ทว่าเป็นความสง่างามซึ่งแต่งแต้มด้วยกลิ่นอายกระจ่างสดชื่นเป็นพิเศษดั่งท่วงท่าเพริศแพร้วแห่งเทพธิดา
เมื่อเข้าสู่บริเวณปราสาทเขาชิงอวี้ก็เห็นทิวทัศน์งดงามตระการตา ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าเรียงรายสองข้างทาง สี่ทิศปกคลุมด้วยเมฆพยับหมอก เปรียบประดุจเขตแดนแห่งเทพเซียนบนโลกียภพ
ทุกคนในปราสาทเขา สูงสุดคือประมุข ต่ำสุดคือบริวารข้ารับใช้ ล้วนแต่มีรูปร่างลักษณะไม่ธรรมดา กล่าวได้ว่าบุรุษสูงตระหง่านกำยำ สตรีงามเลิศล้ำ
ถึงขนาดทุกหย่อมหญ้า ต้นไม้ทุกต้น ศิลาทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่น ล้วนเปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิตประหนึ่งได้รับการสัมผัสจากเทพเซียนเยี่ยงไรเยี่ยงนั้น มิเสียแรงที่ได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า
ผู้คนที่ก้าวย่างอย่างสำราญใจในที่แห่งนี้เริ่มอดเชื่อไม่ได้ว่าขอเพียงตนเองเหยียบเข้าสู่ปราสาทเขาชิงอวี้ พวกเขาก็จะซึมซับพลังอันยอดเยี่ยมแห่งสุริยันจันทรา คลุกคลีกลิ่นอายแห่งเทพเซียนจนแตกต่างจากผู้คนทั่วไป ยามเยื้องย่างดังเหาะเหิน น่าเสียดายว่าหากล่วงล้ำเข้าสู่เขตหวงห้ามในปราสาทเขาย่อมถูกเด็ดหัว…แต่สำคัญคือที่นางมาที่นี่หาใช่เพื่อพรรณนาความงามของสถานที่ไม่ นางมาด้วยเพราะกุมจุดอ่อนของต้วนฉางยวนประมุขแห่งปราสาทเขาชิงอวี้ไว้ต่างหาก ฮึๆ…ไม่ถูกต้อง ยามนี้มิใช่เวลาแอบหัวร่อ บัดนี้นางเป็นเป้าแห่งเกาทัณฑ์ ควรเคร่งขรึมระแวดระวังจึงจะถูก
ไม่เพียงแต่ผู้คนโดยรอบจะแสดงท่าทีดุร้ายต่อนาง แม้แต่ท่านประมุขอย่างต้วนฉางยวนก็มีทีท่าหยิ่งทะนงดูแคลน ใช้สายตาคมกริบราวอาบยาพิษคู่นั้นจ้องมองนาง
ช่างหล่อเหลา ทรงอานุภาพ และน่าครั่นคร้ามอย่างยิ่ง!
“ฮึ! เจ้าช่างกล้ามาก ถึงขั้นข่มขู่ท่านประมุขของพวกข้า! ไม่ต้องการชีวิตแล้วใช่หรือไม่”
ที่เอ่ยปากคือชายผู้หนึ่งซึ่งอยู่ข้างกายท่านประมุข ดูเป็นผู้เป็นคนอยู่หรอก แม้ไม่หล่อเหลาดังต้วนฉางยวน ทว่าลักษณะหาใช่ธรรมดา อวี๋เสี่ยวเถาจำได้ว่าชายผู้นี้คือพ่อบ้านใหญ่แห่งปราสาทเขาชิงอวี้ นามว่าหมี*อะไรนะ…ใช่แล้ว นามว่าหวังสยง
“มีเพียงข้าที่รักษาโรคประหลาดของคุณหนูใหญ่ได้ หมอยาเรียกร้องค่ารักษาย่อมเป็นสัจธรรมแห่งฟ้าดิน ส่วนค่ารักษาที่ข้าต้องการก็เพียงขอเป็นอนุภรรยาของท่านประมุข มิได้ร้องขอเป็นภรรยาเอก นับว่าเสียเปรียบยิ่งแล้ว” นางกล่าวเตือนอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
หากกล่าวตามจริง การที่นางขอเป็นอนุภรรยาของผู้อื่นนับว่าไม่เป็นธรรมต่อตนเองอย่างยิ่ง! ทว่านางรู้ดีว่าการข่มขู่ผู้อื่นไม่ถูกต้อง เพื่อมิให้รู้สึกผิดมโนธรรม จึงลดข้อแม้ยอมเป็นเพียงอนุภรรยา
“ทำไมถึงมีหญิงไร้ยางอายเช่นนี้ ถึงขนาดใช้วิธีการนี้เพื่อแต่งให้ท่านประมุขต้วน”
* คำว่าหมีในสำเนียงจีนกลางออกเสียงว่าสยง (熊) ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าสยง (雄) ที่แปลว่าองอาจเกรียงไกร