“นั่นต่างกัน หากเจ้ามอบยาโดยไม่เรียกร้องสิ่งใด นี่คือบุญคุณ พี่ใหญ่ข้าย่อมจารจารึกไว้ในใจ ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อตอบแทนเจ้า แต่เจ้าใช้ยามาข่มขู่ นี่คือการบีบบังคับ เขาผู้นี้ถือสาที่สุดก็คือถูกบีบบังคับ เจ้าทำให้เขาโกรธเข้าแล้ว”
“อ้อ…” อวี๋เสี่ยวเถาทำท่าเข้าใจโดยทันที “ที่แท้กระทำผิดลำดับขั้นตอนไปนี่เอง”
นางร้องเงียบๆ ในใจว่าเป็นอย่างที่กล่าวมาสิแปลก หากตอนนั้นนางมอบยาให้ก่อน จากนั้นก็เป็นลมต่อหน้าต้วนฉางยวน ให้เขาพบว่านางถูกพิษราคะ เพื่อตอบแทนบุญคุณ เขาจะยินยอมเข้าหอกับนางจริงหรือ
นางไม่เชื่อ อย่าลืมว่าบัดนี้นางอัปลักษณ์อย่างยิ่ง หลังจากถูกเหยียนจิ่วลอบกัดนางก็ไม่เชื่อบุรุษใดอีก ยอมใช้ใจคนถ่อยวัดจิตใจวิญญูชน* ที่ต้องบีบบังคับให้เขาเข้าหอกับนางนั้นเพราะเกี่ยวพันถึงชีวิต ไม่อาจล้มเหลวได้
ยิ่งไปกว่านั้นเวลาของนางมีจำกัด จำเป็นต้องถอนพิษก่อนคืนพระจันทร์เต็มดวง เพื่อช่วยชีวิตตัวเอง นางไม่มีเวลาแยแสความรู้สึกของบุรุษผู้นั้น
“นี่คือสาเหตุที่พี่ใหญ่เย็นชาต่อเจ้า หากมิใช่คนที่เขาชอบใจ เขาจะไม่ประนีประนอมเด็ดขาด เจ้าอยู่ที่นี่ย่อมไม่สุขสบายแน่”
“คุณหนูใหญ่อยากเกลี้ยกล่อมข้า?”
“ที่ข้ากล่าวมาเจ้าอาจจะตำหนิข้า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าเป็นผู้มีบุญคุณ ข้าไม่อาจทนเห็นเจ้าถูกฝังทั้งเป็นไปตลอดชีวิตที่นี่ สิ่งใดที่ควรพูด ข้าก็ต้องพูดกับเจ้า”
อวี๋เสี่ยวเถากะพริบตาปริบๆ มองความตรงไปตรงมาและสายตาที่แฝงด้วยความเห็นอกเห็นใจของต้วนชิงหลิง นางจึงยิ้มได้
“เจ้าเป็นคนไม่เลวเลย นับว่าข้าได้เห็นคนที่ไม่ขัดหูขัดตาในปราสาทเขาชิงอวี้เป็นคนแรกแล้ว เห็นแก่ความห่วงใยของเจ้า ข้าจะให้อภัยความไร้มารยาทของพี่ใหญ่เจ้า! วางใจได้ ข้าไม่ทำให้ตัวเองลำบากแน่ ข้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไร พี่ใหญ่เจ้าไม่ชอบข้าเป็นความจริง ดังนั้นข้าจะไม่บีบบังคับเขาอีก เขาจะแต่งภรรยาหรือรับอนุอีกกี่คนก็ไม่ก้าวก่ายทั้งสิ้น และไม่บีบให้เขาชอบข้า”
ต้วนชิงหลิงมองสตรีตรงหน้าอย่างประหลาดใจยิ่ง และรู้สึกไม่ใคร่เข้าใจนัก
ดวงตาที่โผล่พ้นผ้าคลุมหน้าคู่นั้นส่องประกายวิบวับ ใสกระจ่างพิสุทธิ์ราวสายน้ำ แววตาของคนหลอกลวงผู้อื่นได้ยากที่สุด ต้วนชิงหลิงมีลางสังหรณ์ว่าสตรีผู้นี้มิได้รักพี่ใหญ่ของนาง เพราะไม่อาจรับรู้ได้ถึงความน้อยอกน้อยใจหรือความคับแค้นใดๆ จากร่างของสตรีผู้นี้ หรือว่าจะเป็นดั่งที่ผู้อื่นกล่าวกันว่านางมาเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์
แต่หากมาเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ เหตุใดไม่ร้องขอเป็นภรรยาเอกของพี่ใหญ่ แต่กลับขอเป็นเพียงอนุภรรยา?
ต้วนชิงหลิงพบว่าตนไม่ได้รังเกียจอวี๋เสี่ยวเถา และถึงขนาดรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีความพิเศษซึ่งแฝงด้วยความลึกลับบางอย่าง
เดิมนางมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้อวี๋เสี่ยวเถาตัดใจ แต่จนบัดนี้อีกฝ่ายยังไม่เรียกร้องสิ่งใดจากพี่ใหญ่เลยแม้เพียงนิด ทำให้นางจนหนทางจะลงมือ แต่กลับบังเกิดความสงสัยใคร่รู้
ในเมื่อไม่อาจสนทนาจนได้ผลลัพธ์ประการใด นางจึงหมดถ้อยคำเพียงเท่านี้ ก่อนนำบรรดาสาวใช้จากไป
หลังจากต้วนชิงหลิงจากไปแล้ว อวี๋เสี่ยวเถาก็เดินเล่นอยู่อีกสักพักก่อนจะกลับเข้าเรือนพำนัก แอบนั่งขัดสมาธิโคจรพลังต่อไป
* ยอมใช้ใจคนถ่อยวัดจิตใจวิญญูชน เป็นสำนวน หมายถึงใช้ความคิดต่ำช้าตัดสินว่าผู้อื่นก็เลวทรามเช่นเดียวกับตน
โปรดติดตามตอนต่อไป…