ทว่าเมื่อผู้ประสบเคราะห์จากกลยุทธ์หลี่ตายแทนเถาเกือบจะเป็นตัวนางเข้า นางก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง
นางจ้องต้วนฉางยวนอย่างโกรธขึ้ง เขาหลอกลวงนาง ไม่รักษาสัจจะ แม้ว่ากันว่าทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย* แต่นางกลับแสดงท่าทีเหยียดหยามความกลับกลอกปลิ้นปล้อนของเขา บนใบหน้าของบุรุษผู้นี้ไร้ซึ่งสีหน้าแห่งความละอายแก่ใจ กลับร้องฮึอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปเสียแล้ว เจ้าฉลาดกว่าที่ข้าคาดไว้”
แพ้เพียงคนเดียวไม่คณา ไม่อาจแพ้พ่ายทั้งกระดาน เผชิญหน้าความหยิ่งยโสของเขา นางต้องแสดงออกถึงความลึกล้ำยากหยั่งถึง เพื่อมิให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“พูดได้ดี พูดได้ดี ประมุขต้วนก็มิได้ด้อยไปกว่ากัน กลยุทธ์หลี่ตายแทนเถานี้เลิศล้ำยิ่ง หากแพร่ออกไป ย่อมทำให้ผู้คนเลื่อมใสหมอบราบกราบกรานไปกับพื้นเป็นแม่นมั่น”
ชั่วพริบตานั้น กลิ่นอายสังหารตลบอบอวลไปทั่วห้อง
นางไม่กลัวเขา เพราะเขายังต้องพึ่งนาง เมื่อผ่านเรื่องนี้แล้วความละอายแก่ใจของนางก็หมดไป
เรื่องที่นางขู่บังคับโดยนำเรื่องรักษาชีวิตของน้องสาวเขามาเป็นข้ออ้างคือการกระทำที่ไร้เหตุผล นางย่อมรู้สึกละอายแก่ใจ ทว่าเมื่อต้วนฉางยวนคิดมอบพรหมจรรย์ของนางให้ชายอื่นเหยียบย่ำ นางจึงไม่รู้สึกผิดต่อเขาอีกต่อไป
เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษซึ่งสมบูรณ์แบบจนเกินไปมักทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าตนเองดูต่ำต้อยกว่าหนึ่งขั้น ทว่าเมื่อพบว่าบุรุษสมบูรณ์แบบนั้นก็มีจุดบกพร่องเช่นกัน ย่อมทำให้ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของเขาซึ่งอยู่ในใจของตนเองลดทอนไปโดยไม่รู้ตัว ยามนี้อวี๋เสี่ยวเถารู้สึกเช่นนี้
นางนั้นรูปกายภายนอกอัปลักษณ์ ส่วนเขานั้นจิตใจอัปลักษณ์ ประเสริฐนัก ทั้งสองคนเสมอกันแล้ว
บัดนี้นางไม่มีแก่ใจแยแสว่าเขายินดีหรือไม่ เขาไม่แยแสพรหมจรรย์ของนาง นางก็ไม่ต้องไว้หน้าเขา แววตาที่จ้องเขม็งกันไปมาแข็งกร้าวยิ่ง แสงจากลำเทียนที่สาดส่องภายในห้องสะท้อนวาววับอยู่ในดวงตาสุกสกาวของนาง เต้นเร่าลุกโชนระยิบระยับบีบคั้นผู้คน
ความประหลาดใจฉายวาบผ่านสายตาของต้วนฉางยวนเมื่อบังเอิญพบว่าอวี๋เสี่ยวเถาซึ่งปิดผ้าคลุมหน้าโผล่ให้เห็นเพียงลูกตามีดวงเนตรที่งดงามคู่หนึ่ง
เนตรงามคู่นี้มีชีวิตชีวา สุกกระจ่างดั่งหิมะ ทำให้เขาอดประเมินอย่างละเอียดมิได้ จำได้เลือนรางว่ายามพบนางคราแรก เขานั่งอยู่บนเบื้องสูงแห่งที่นั่งประมุขห่างจากนางสักระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตดวงตาของนาง คิดแต่เพียงว่าสตรีนางนี้ละโมบโลภมาก ทำให้เขารู้สึกว่านางอัปลักษณ์หาที่เปรียบมิได้
ทว่าเขาเพียงแต่ตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็กลับมาเย็นชาเฉยเมยดังเดิม
อวี๋เสี่ยวเถาฝืนยืนหยัด มิให้อานุภาพและความกดดันของเขาข่มนางได้ คืนมงคลของผู้อื่นต่างจับจ้องมองกันด้วยอารมณ์รักใคร่ลึกซึ้ง พวกเขากลับใช้สายตาสังหารอีกฝ่ายให้ตกตายไปต่อหน้า
“ไสหัวไป”
ผู้ที่ต้วนฉางยวนออกคำสั่งคือบริวารผู้ถูกเข็มพิษแทงและกำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น เขาออกคำสั่งโดยสายตายังคงจ้องนางเขม็ง
เมื่อได้รับคำสั่ง ชายผู้นั้นซวนเซคลานออกไปอย่างน่าอนาถ ภายในห้องเหลือเขาและนางเพียงสองคน
* ทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย เป็นสำนวน หมายถึงใช้กลยุทธ์ทุกวิถีทางหลอกล่อศัตรูเพื่อให้ได้ชัยชนะในการศึก