“ตกเหยื่อได้เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไม่รู้ว่าเห็นอะไรดีที่ตรงไหน ช่างไม่รู้จักเลือกเสียจริง!” ผู้ที่เอ่ยปากพูดคือชายผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งพิเศษบนชั้นสอง
อวี๋เสี่ยวเถาได้ยินแล้วก็ตะลึง หันหน้าไปมองผู้พูด พอเห็นเข้าก็ทำเอานางอึ้งงัน
คนผู้นั้นนางจำได้ว่าคือหวังสยงพ่อบ้านใหญ่แห่งปราสาทเขาชิงอวี้ แต่ที่ทำให้นางอึ้งงันก็คือบุรุษข้างกายหวังสยง…ต้วนฉางยวน
หลังได้ยินคำพูดของหวังสยง คนอื่นๆ ต่างก็หัวร่อเกรียวโดยมิได้นัดหมาย ต่างคิดว่านางเป็นผู้ล่อลวงบุรุษ แม้แต่ต้วนฉางยวนเองก็ยังยกยิ้มราวกับว่ากำลังเย้ยหยันนางอยู่
เปลวเพลิงแห่งโทสะกองใหญ่ลุกโชนอยู่ในใจของอวี๋เสี่ยวเถา ทว่านางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ประคองเจียงเซ่าเหิงตามเสี่ยวเอ้อร์เข้าสู่ห้องหนึ่งต่อไป
นางเติบใหญ่ในป่าเขาลำเนาไพร เดิมเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ถูกผู้อื่นดูหมิ่นดูแคลน นางถือเสียว่ามิใช่เรื่อง ในเมื่อปากงอกอยู่บนใบหน้าของผู้อื่นและนางจงใจแปลงโฉมจนอัปลักษณ์ ถูกหัวเราะเยาะก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว แต่หากผู้ที่หัวเราะเยาะเป็นต้วนฉางยวน นางก็ไม่คิดจะทนต่อไปแล้ว
สิ่งที่หวังสยงเอ่ยมาเจียงเซ่าเหิงก็ได้ยิน เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธกรุ่นของอวี๋เสี่ยวเถาจึงชำเลืองมองไปทางหวังสยงปราดหนึ่งแล้วเอ่ยถามนางเสียงต่ำว่า “อยากให้ข้าตัดลิ้นเจ้านั่นให้หรือไม่”
อวี๋เสี่ยวเถาเงยหน้ามองเขาอย่างตื่นตะลึง กะพริบตาปริบๆ ประหนึ่งว่าเขาเอ่ยคำพลอดพร่ำรำพันรักอย่างไรอย่างนั้น
“สายตาของเจ้าเช่นนี้คืออะไร” เขาขมวดคิ้วถาม
“คิดไม่ถึงจริงๆ เพื่อความบริสุทธิ์ของข้าแล้วเจ้าจะกังวลถึงเพียงนี้ เจ้าคงไม่ได้ชอบข้าเข้าให้แล้วหรอกนะ”
ใบหน้าของเจียงเซ่าเหิงแข็งตึง จากนั้นก็เปล่งเสียงลอดไรฟันว่า “แปะทองบนหน้าตัวเอง** ให้น้อยหน่อย! ท่าน…คุณชายอย่างข้าไม่พอใจที่เขาดูหมิ่นข้าต่างหาก!”
อวี๋เสี่ยวเถาดูออกมานานแล้วว่าบุรุษผู้นี้อารมณ์ร้าย ซ้ำยังเย่อหยิ่งเสียเหลือเกิน หลังเขาอาบน้ำจนสะอาดสะอ้านแล้ว ยิ่งพินิจจากการพูดการจา การวางตัว ก็รู้สึกว่าบนร่างของคนผู้นี้มีกลิ่นอายแห่งความสูงส่งอย่างหนึ่งอยู่ ชาติกำเนิดคงไม่สามัญธรรมดา อีกอย่างเมื่อสักครู่เหมือนเขาเกือบพลั้งปากอะไรออกมาแต่ยั้งไว้ทัน
นึกย้อนไปถึงสภาพตกต่ำอับจนเหมือนยาจกก่อนหน้านี้ แสดงว่าต้องเจอเรื่องร้ายอะไรมาเป็นแน่ อวี๋เสี่ยวเถาไม่อยากหยั่งเชิงถาม เพราะนางรู้ว่าแต่ละคนต่างมีเหตุผลของตนเอง ก็เหมือนกับนางเอง เดิมรูปโฉมโนมพรรณดั่งนางเทพธิดา ผู้คนชื่นชมบูชาเอาอกเอาใจดั่งองค์หญิง แต่เมื่อถูกพิษราคะของเหยียนจิ่วจนกลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ ภายในสามเดือนสั้นๆ ที่หลบภัย นางซึ่งสูญเสียวรยุทธ์ได้ลิ้มลองรสชาติการถูกดูหมิ่นดูแคลนและความเย็นชาของผู้คนบนโลกนี้มาจนสิ้นแล้ว
ผู้ที่เคยชื่นชมยกย่องนางราวองค์หญิงเพราะความสดสวยงดงาม หลังจากนางกลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้วก็ล้วนเผยธาตุแท้ให้เห็นเพราะจำนางไม่ได้ ต่างแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์และหมิ่นแคลนอย่างไม่สงวนท่าทีแม้แต่น้อย ตอนนั้นนางเพิ่งประจักษ์ว่าที่แท้สิ่งที่พวกเขาต้องตาเป็นเพียงแค่ความงดงามของนาง นางไม่เคยได้รับความรักด้วยใจจริงจากบุรุษผู้ใด เมื่อไร้ซึ่งรูปลักษณ์ที่งดงาม นางก็ไม่มีค่าไม่มีราคาใดๆ ทั้งสิ้น
** แปะทองบนหน้าตัวเอง เป็นสำนวน หมายถึงเยินยอตนเอง