การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซู่ฟางล้วนรายงานให้พระพันปีได้ทรงทราบโดยละเอียด ครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น พระนางก็ทรงนิ่งเงียบไม่ตรัสอันใดออกมา หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ทรงรับสั่ง “ปล่อยพวกเขาไป”
เมื่อถึงวันสอบย่อย ทุกคนต่างกุมหมัดกุมกำปั้น แต่มิใช่เพื่อชิงกันเป็นที่หนึ่ง หากแต่เพราะเสด็จแม่ของพวกเขาต่างเอ่ยปากกำชับเอาไว้ว่าต้องช่วยฝ่าบาทให้ทรงสอบให้ได้ที่หนึ่ง หากแม้ทำให้ฝ่าบาทต้องวิ่งไปกลับประตูเมืองสามรอบจริง มิเท่ากับฝ่าบาทต้องตกเป็นที่เยาะหยันของผู้คนหรอกหรือ
ต้วนอวิ๋นจ้งใช้ลูกไม้เล็กน้อย ย้ายที่นั่งของจินเฟิ่งไปอยู่ทางด้านหลังของต้วนอวิ๋นจั้ง หลังจากนั้นก็หันไปตบอกบอกต้วนอวิ๋นจั้ง “เสด็จพี่ทรงวางพระทัย เรื่องนี้มอบให้กระหม่อมจัดการเอง”
ต้วนอวิ๋นจั้งไม่คิดเช่นนั้น “เจ้า?”
ต้วนอวิ๋นจ้งพูด “ต่อให้กระหม่อมไม่ไหวก็ยังมีอัครมเหสีอยู่อีกคน”
ต้วนอวิ๋นจั้งชำเลืองมองจินเฟิ่งปราดหนึ่ง “เราไม่คลุกคลีตีโมงกับคนถ่อย เราต้องการเป็นที่หนึ่งด้วยตัวของเราเอง”
ต้วนอวิ๋นจ้งถอนหายใจ “เสด็จพี่ มิใช่กระหม่อมจะว่าพระองค์ แต่เส้นประสาทของพระองค์กับราชครูเว่ยใช่เส้นเดียวกันเสียที่ไหน หวังจะให้เขาให้คะแนนพระองค์สูงๆ กระหม่อมว่ายากยิ่งนัก”
ขณะที่ต้วนอวิ๋นจั้งกำลังจะพูดอะไรออกมา ราชครูเว่ยก็หอบม้วนข้อสอบกองหนึ่งเข้ามา
จินเฟิ่งนั่งอยู่เงียบๆ ทางด้านหลังของต้วนอวิ๋นจั้ง ในใจคิดว่ามีคนคอยช่วยเหลือเขามากมายเช่นนี้ ถึงต้วนอวิ๋นจั้งไม่อยากได้ที่หนึ่งก็คงจะยากแล้ว จู่ๆ นางก็รู้สึกเบื่อหน่าย แม้แต่ตอนเขียนคำตอบก็ยังมีใจแต่ไร้แรงกำลัง
ราชครูเว่ยเดินวนอ้อมอยู่รอบหนึ่ง พอมาถึงตรงหน้าโต๊ะของจินเฟิ่ง เขาก็ชำเลืองมองดูคำตอบของนาง รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะเดินขึ้นหน้าอีกก้าวไปดูคำตอบของต้วนอวิ๋นจั้ง จากนั้นหัวคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันช้าๆ
ทุกคนต่างปิดปากเงียบจ้องมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของราชครูเว่ย ในใจคิด ฝ่าบาทคราวนี้คงแย่แล้วเป็นแน่
ครั้นเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ต้วนอวิ๋นจ้งก็ฉวยจังหวะตอนราชครูเว่ยกำลังหันหลัง โยนก้อนกระดาษไปบนโต๊ะของจินเฟิ่ง
จินเฟิ่งตะลึง ก่อนจะคลี่ก้อนกระดาษออก ครั้นเห็นสายตาของต้วนอวิ๋นจ้งที่ส่งมาหานางอย่างเอาเป็นเอาตาย นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาต้องการให้นางเขียนคำตอบใส่ลงในม้วนกระดาษ
จินเฟิ่งคิดแล้วคิดอีก พอเห็นต้วนอวิ๋นจั้งที่อยู่ด้านหน้าเกาหูเกาแก้มยิกๆ สุดท้ายนางก็ตัดสินใจเด็ดขาด เขียนคำตอบของตัวเองลงบนก้อนกระดาษ ในใจพลางคิด ไหนๆ ก็จะโกงแล้ว ก็ต้องโกงให้แนบเนียนไร้ร่องรอยเสียหน่อย ดังนั้นเลือกที่จะเขียนคำตอบผิดๆ ลงไปในกระดาษสองสามข้อ ก่อนจะแก้คำตอบของตัวเองให้มีข้อผิดเพิ่มมากขึ้น
ให้องค์จักรพรรดิเป็นที่หนึ่งดีแล้ว ใครใช้ให้เขาเป็นองค์จักรพรรดิเล่า
นางโยนก้อนกระดาษกลับไปให้ต้วนอวิ๋นจ้ง ต้วนอวิ๋นจ้งชำเลืองมองปราดหนึ่ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า หลังจากนั้นเขาก็ส่งต่อให้กับต้วนอวิ๋นจั้ง น่าสงสารราชครูเว่ยที่เฒ่าชราหูตาฝ้าฟาง หนำซ้ำสองตายังไม่อาจสู้หลายตาได้ กระบวนการทั้งหมดจึงลุล่วงไปอย่างเทพเซียนก็ไม่อาจทราบ ผีสางก็ไม่อาจรู้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม จินเฟิ่งก็แทบหลับ นางรู้สึกอ่อนล้าเป็นที่สุด
ครั้นหมดเวลา ราชครูเว่ยก็กระแอมออกมาคำหนึ่ง ทุกคนทยอยส่งข้อสอบ จินเฟิ่งถือโอกาสตอนส่งข้อสอบชำเลืองมองดูองค์จักรพรรดิ ครั้นพบว่าอีกฝ่ายยังคงตั้งอกตั้งใจเขียนตัวหนังสือ นางก็ให้รู้สึกน่าขันเป็นที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันนางก็นึกเสียดายด้วยเช่นกัน ครั้งนี้เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพองค์จักรพรรดิผู้สูงส่งวิ่งรอกระหว่างประตูเมืองแล้ว