เที่ยงกว่า…คอนสแตนตินที่ทุบประตูจนมือแทบพังและตะโกนคำรามจนคอแหบแห้งไปหมดเริ่มบังคับอารมณ์โกรธที่พุ่งสูงจนแทบจะระเบิดห้องนอนเป็นจุณเอาไว้ไม่ได้ ปากที่ว่างจากการตะโกนเรียกสบถด่าคาดโทษภรรยาตัวดีของเขาไปต่างๆ นานา…ถ้าเขาออกไปได้จะจัดการเธอแบบนั้นแบบนี้ โดยเพิ่มระดับความรุนแรงและความทรมานไปตามเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ
ถึงผนังห้องจะหนามาก แต่เสียงตะโกนดังก้องของเขายังไงๆ ก็น่าจะดังลงไปถึงชั้นสองของปราสาท…คอนสแตนตินคิด แต่นี่ไม่มีบอดี้การ์ด ผู้ช่วย หรือคนใช้สักคนโผล่หน้ามา แสดงว่ายายปีศาจนั่นคงไปแต่งเรื่องอะไรไว้แน่ นึกแล้วก็อยากบีบคอให้กระดูกแหลกตายคามือ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการมีเมียสักคน ชีวิตเขาจะหายนะ…ไม่สิ ต้องเรียกว่ามีตัวหายนะอย่างเพลงพิณมาเป็นเมีย ชีวิตเขามันก็วิบัติและหายนะแบบสุดๆ
“นรกเอ๊ย!” เท้าใหญ่โตถีบเปรี้ยงไปที่ประตูอย่างหงุดหงิด แต่ประตูก็เพียงแค่สั่น ไม่มีท่าทีว่าจะโยกคลอนสักนิด…บัดซบนัก ทำไมเขาถึงรวย ทำไมเขาถึงได้โง่สั่งทำประตูดีๆ แพงๆ แบบนี้ด้วย…โธ่ว้อย
ร่างบึกบึนเดินพล่านเหมือนหนูติดจั่น เขายังไม่ได้กินอาหารเช้า ไม่ได้ดื่มกาแฟเข้มๆ และยังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำก่อนบินตอนบ่ายสามนี้ แต่นี่เขายังเดินเป็นไอ้โง่อยู่ในห้องนอนอยู่เลย…ชายหนุ่มยิ่งคิดก็ยิ่งเดือด ซึ่งผลักดันให้ตัวเองยิ่งโกรธยิ่งคลั่ง ชายเสื้อคลุมดำสนิทสะบัดระน่องยามเขาเดินพรวดๆ ทะลุห้องเพลงพิณและห้องนอนของตัวเองเหมือนจะหาทางออกอื่นนอกจากประตูไม้หนาหนักนั้น…แต่โชคร้ายที่ไม่มี
ไคล์ฟ บอดี้การ์ดร่างสูงตาสีเทาของคอนสแตนตินเปรยกับเพลงพิณเรื่องที่เจ้านายยังไม่ลงมาจากห้อง เขาพูดถึงความกังวลหลายอย่างตั้งแต่การพลาดเที่ยวบินที่ถึงแม้จะเป็นเครื่องบินส่วนตัว แต่ก็ต้องรายงานแผนการบินให้หอบังคับการการบินทราบทั้งต้นทางและปลายทาง ทีมผู้ช่วยก็กังวลว่าเอกสารหลายอย่างยังไม่เรียบร้อย ไม่ได้สรุป ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการประชุมบอร์ดซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากเครื่องแลนดิ้งที่อเมริกาได้เพียงสองชั่วโมง…ที่สำคัญคอนสแตนตินยังไม่ได้ดื่มกาแฟ และเขาจะกลายเป็นเจ้านายสุดโหดที่ทำเอาลูกน้องทั้งเที่ยวบินต้องขวัญผวา
เพลงพิณพ่นลมออกจากปากขณะวิ่งขึ้นบันไดปราสาทเร็วๆ มุ่งตรงสู่ชั้นสี่…เห็นแก่ลูกน้องและพนักงานบริษัทในเครืออันเกลอสนับพันที่จะต้องเดือดร้อนหากคอนสแตนตินมีปัญหาทางธุรกิจ หญิงสาวก็เลยจะไปจัดการปล่อยให้เขาเป็นอิสระก่อนเวลาที่ตั้งใจไว้ คิดว่าเพียงแค่นี้คอนสแตนตินก็คงสำนึกแล้วถึงความผิดที่ได้กระทำต่อเธอ
เสียงตึงๆ และสบถบ่นดังแว่วมาเมื่อหญิงสาวถึงบันไดขั้นแรกของชั้นที่สาม ริมฝีปากหยักเป็นกระจับยิ้มและหัวเราะคิกๆ ขาเรียวทอดช้าลงอีกนิดหนึ่ง หวังให้คนข้างบนทุรนทุรายมากกว่านี้สักเล็กน้อย ป่านนี้คนบ้าอำนาจนั่นคงแทบคลั่งและรู้สึกเสียศักดิ์ศรีน่าดูที่ต้องตกอยู่ในความเมตตาของเธอ
ถึงจะเดินช้าลงแต่เธอก็มาถึงในที่สุด เสียงโครมครามโวยวายเงียบไปแล้ว หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์และเดินผ่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น พอเดินไปถึงประตูห้องนอนก็เอาหูแนบฟังอีกนิด แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไร เธอจึงเดาว่าคนที่อาละวาดอยู่นานคงจะเริ่มเหนื่อย ใบหน้ารูปหัวใจระริกระรี้มีความสุข ถูมือกับกางเกงขาสั้นเร็วๆ ก่อนล้วงลูกกุญแจออกมาจากกระเป๋าย่ามและไขประตู
เพลงพิณตาโตกับสภาพของห้องที่เละ เกลื่อนไปด้วยข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ที่ระเนระนาด แต่ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง หญิงสาวขมวดคิ้ว…หรือว่าคอนสแตนตินจะอาละวาดพังนั่นพังนี่แล้วพบห้องลับ ทางลับเข้าโดยบังเอิญ และใช้เส้นทางนั้นหนีออกจากห้อง แต่ทันใดนั้นลมจากช่องประตูก็โชยมากระทบแขน หญิงสาวหันไปมองที่ระเบียงก็เห็นชายผ้าสีดำพลิ้วๆ อยู่ ร่างเล็กรีบปราดไปทันทีก่อนจะเห็นภาพที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น