ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์ที่ยังคงสำรวจสิ่งต่างๆ เบิกโตขึ้นเมื่อเห็นคนงานหญิงคนหนึ่งที่ดูคุ้นตากำลังหิ้วกระเป๋าผ่านไป ปากเป็นกระจับยกขึ้นตามประสาคนอารมณ์ดีคลี่ยิ้ม ก่อนจะร้องเรียก
“อันน่า…อันน่าใช่ไหม”
คนงานหญิงวัยยี่สิบกว่าปีหยุดชะงัก ก่อนจะวางของลงและย่อกายทำความเคารพ แต่เพลงพิณปราดเข้าไปหาและจับแขนทักทายอย่างเป็นกันเอง “โอ๊ย อันน่าจริงๆ ด้วย…แหม เมื่อกี้ไม่ยอมทักทายกันเลยนะ…ฉันก็มัวแต่ยุ่งๆ น่ะ เลยลืมถามถึงอันน่าซะสนิทเลย แต่ลืมถามนะ ไม่ได้ลืมอันน่าหรอก…นี่ฉันยังซื้อของมาจากเมืองไทยเลย ซื้อมาทั้งที่ไม่รู้ว่าอันน่ายังทำงานอยู่ที่นี่หรือเปล่าน่ะ…ถามท่านเคานต์ เอ๊ย คุณคอน เขาก็บอกไม่รู้ ไม่รู้จัก จำหน้าไม่ได้…แย่จริงเนอะ”
อันน่าแก้มเป็นสีแดงด้วยความดีใจและเขินอาย ไม่คิดว่าแขกแสนซนที่เคยมาพักที่นี่เมื่อสองปีก่อนซึ่งกลายมาเป็นนายหญิงจะจำเธอได้ ทักทายอย่างสนิทสนมและยังซื้อของมาฝากอีกด้วย…น่ารัก มีน้ำใจจริงๆ
เพลงพิณหันไปถามแม่บ้าน “ฉันเลือกคนสนิทได้แล้วล่ะไอริส…นี่ไง โอเคไหม”
ไอริสยิ้ม ดีใจที่เพลงพิณถูกใจอันน่า เพราะหญิงสาวก็เป็นญาติห่างๆ ของเธอเอง “ได้สิเจ้าคะ”
เพลงพิณดีใจ หันไปหาบอดี้การ์ดและผู้ช่วย…ซึ่งเธอเรียกรวมกันว่า ‘ทีม’ “นี่นิค บุช ดอน สตีเฟ่นจ้ะ…เป็นบอดี้การ์ดของฉันเอง…ส่วนผู้ชายท่าทางเนี้ยบๆ สองคนนี้มากิสกับริคจ้ะ เป็นฝ่ายบุ๋น จะมาช่วยฉันทำงาน”
อันน่ายิ้มอายๆ ให้กับทุกคน จนกระทั่งถึงสตีเฟ่นที่มีรูปลักษณ์ค่อนข้างข่มขวัญ หญิงสาวก็หลบตาไม่กล้าจ้องดวงตาสีฟ้าเข้มนั้น ฝ่ายเพลงพิณก็หันไปมองชายหนุ่มเช่นกัน และก็ยิ้มให้พร้อมกับสั่งกึ่งขอร้อง “สตีฟ ตัวโตแข็งแรง…หิ้วของแทนอันน่าหน่อยได้ไหม เพลงมีอะไรจะคุยกับอันน่าเยอะแยะ…นะจ๊ะ”
สตีเฟ่นรับคำและเดินไปหยิบกระเป๋าใบโตที่วางอยู่บนพื้นใกล้กับหญิงสาวร่างโปร่งในชุดกระโปรงน้ำเงินและเสื้อขาว รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อคนตรงหน้าถอยหลังไปก้าวหนึ่งคล้ายกับตกใจที่เขาเข้าใกล้
เพลงพิณ ไอริส อันน่า และทีมงานของเพลงพิณเดินผ่านห้องโถงใหญ่และขึ้นบันไดกว้างมายังชั้นสอง ที่นั่นเอวานรออยู่แล้วพร้อมกับเชิญชายหนุ่มทั้งหกคนไปยังห้องพัก เพลงพิณโบกมือลาให้ทั้งหมดจัดการกับธุระส่วนตัว ก่อนจะนัดแนะเวลารับประทานอาหาร ขณะหญิงสาวกับอันน่าเดินตามไอริสขึ้นไปยังชั้นสามและชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นบนสุด หัวหน้าแม่บ้านก็บอกคร่าวๆ ว่าชั้นสองนั้นเป็นที่พักของผู้ช่วยทั้งสามและบอดี้การ์ดแต่ละชุดของคอนสแตนตินซึ่งมีครั้งละห้าคนและจะเปลี่ยนหน้ากันไปตามคำสั่งของเจ้าของปราสาท เพลงพิณพยักหน้าหงึกหงัก ตอนอยู่ในเรือทีมของเธอก็เล่าให้ฟังสั้นๆ ว่าพวกเขาสังกัดในบริษัทรักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งในอเมริกาซึ่งมีคอนสแตนตินเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ทุกคนที่นั่นล้วนเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์นับสิบปี เคยทำหน้าที่คุ้มกันให้กับทั้งนักธุรกิจใหญ่ นักการเมือง รวมถึงเชื้อพระวงศ์มาแล้ว
ชั้นสามเป็นที่พักสำหรับแขก แต่ไม่เคยมีแขกมาที่ปราสาทสักครั้ง ที่มีมาบ้างก็คือย่าและครอบครัวของอาคอนสแตนตินซึ่งมาเพียงปีละสองสามครั้งเท่านั้น เพลงพิณได้ฟังก็ยิ้มดีใจและนึกกระหยิ่มใจว่าให้อะไรๆ เข้าที่เข้าทางและคอนสแตนตินตายใจสักพัก เธอจะชวนเพื่อนมาเที่ยวที่นี่แบบครบเซ็ต
พอมาถึงชั้นสี่ หญิงสาวก็รู้สึกถึงลมโชยมาเบาๆ และผิวกายก็เย็นวูบ…บรรยากาศแบบนี้ ที่นี่ต้องเป็นอาณาจักรส่วนตัวของคอนสแตนตินแน่ๆ เธอจำได้แล้ว เพราะคราวก่อนเธอก็พักที่ชั้นนี้ แต่โน่น…คอนสแตนตินให้เธอไปอยู่เสียด้านหลังโน่น จำได้ว่าอยู่ใกล้กับโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ด้วย