“เครื่องหอมตระกูลหลีช่างสมคำเล่าลือเสียจริง…” องค์หญิงหมิงอวี้พูดเปรย “ปกติไม่มีอะไรเปรียบเทียบ ก็แค่รู้สึกว่าดี วันนี้พอเปรียบเทียบแล้วจึงได้รู้ว่าถ้าเทียบเรื่องคุณภาพกลิ่นแล้วยังต้องยกให้ตระกูลหลี…”
อิงอ๋องสายตาเศร้าสลด จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ปรมาจารย์กู่ถูกขนานนามเป็นเทพแห่งวงการปรุงเครื่องหอม ชื่อเสียงจะไม่สมคำเล่าลือได้อย่างไร” เขาเปลี่ยนประเด็นพูดไป “น้องหญิงไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้เที่ยงเครื่องหอมตระกูลหลีต้องมาถึงแน่นอน…”
“ปรมาจารย์กู่ได้รับบาดเจ็บมิใช่หรือ” เหยาซูเฟย* ถามอย่างสงสัย
ฮองเฮามองไปทางชุยเฉวียน
“ทูลฮองเฮา…” ชุยเฉวียนอธิบาย “เครื่องหอมตระกูลหลีในปีนี้อาจารย์ไป๋ชิวเป็นคนทำพ่ะย่ะค่ะ”
“ไป๋ชิว?” ฮองเฮาขมวดคิ้วครุ่นคิด นางดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินว่าแคว้นต้าโจวมีนักปรุงเครื่องหอมคนนี้อยู่
อิงอ๋องก็ขมวดคิ้วเช่นกัน แอบคิดว่าเครื่องหอมก็ถูกปล้นชิงไปแล้ว เหตุใดตระกูลหลียังกล้าแจ้งชื่อของไป๋ชิวอีก ในใจหวั่นไหว แต่เขาก็เข้าใจทันใด จริงสิ เครื่องหอมเพิ่งถูกปล้นชิงมาเมื่อวาน ตระกูลหลียังไม่ทันได้เปลี่ยนชื่อกระมัง ความคิดแล่นผ่าน เขาก็รู้สึกยินดี มองตามสายตาของฮองเฮาไปยังชุยเฉวียน
ชุยเฉวียนพูดแนะนำว่า “เป็นผู้ชนะเลิศในงานประชันเครื่องหอมของเมืองซั่วหยางเมื่อปีที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
“อ้อ…” ฮองเฮาพยักหน้า แล้วตรัสถามว่า “ทำเครื่องหอมอะไรออกมาแล้วบ้าง”
“เอ่อ…” ชุยเฉวียนลังเลสักครู่
เรื่องนี้เขาเองก็พูดยาก
ข้อมูลที่ส่งมาในวังบันทึกไว้ว่าใบสนหอมกับธูปพระพยักหน้าล้วนเป็นของเฮยมู่ เพียงแค่ยืมมือของมู่หวั่นชิวทำออกมาเท่านั้น
แต่ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าขันที ลังเลเพียงชั่วครู่ชุยเฉวียนก็ตอบกลับทันที “เครื่องหอมที่ชนะเลิศในงานประชันเครื่องหอมเมืองซั่วหยางปีที่แล้วก็คือธูปพระพยักหน้าที่ถูกฮองเฮายกให้เป็นธูปบรรณาการ…” ชะงักไปสักครู่จึงเอ่ยต่อ “ใบสนหอมที่โด่งดังชั่วข้ามคืนในท้องตลาดก็มาจากงานประชันเครื่องหอมครั้งนี้พ่ะย่ะค่ะ”
นึกถึงผลงานโดดเด่นของธูปพระพยักหน้ากับใบสนหอมแล้ว องค์หญิงหมิงอวี้ก็ดวงตาเปล่งประกาย กำลังจะตรัสอะไร กลับได้ยินอิงอ๋องขมวดคิ้วถามว่า
“ว่ากันว่าสูตรลับธูปพระพยักหน้าและใบสนหอมเป็นของเฮยมู่มิใช่หรือ” แล้วทรงถามอีกว่า “ไป๋ชิวคนนี้มีฐานะใด แล้วมีระดับขั้นหรือไม่ เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินชื่อของคนผู้นี้มาก่อน” แม้น้ำเสียงอ่อนโยนสงบนิ่ง ทว่ากลับฉายความเย็นชาออกมารางๆ
ชุยเฉวียนสะดุ้ง ก่อนจะโค้งคำนับอิงอ๋อง “ท่านอ๋องหกพูดถูก สูตรลับเครื่องหอมที่โรงธูปไป่เยี่ยส่งเข้าวังชื่อเจ้าของเขียนไว้ว่าเฮยมู่ แต่ว่า…” เขาเปลี่ยนประเด็นพูดไป “ข้อมูลที่เมืองซั่วหยางบันทึกไว้บอกว่าในงานประชันเครื่องหอมเมืองซั่วหยาง เครื่องหอมสองชนิดนี้ล้วนมาจากฝีมือของอาจารย์ไป๋…” เห็นอิงอ๋องมองมาด้วยแววตาเย็นชา เขาจึงรีบพูดเสริมอีกว่า “ข้อมูลบันทึกไว้ว่าอาจารย์ไป๋เป็นคนงานรับจ้างมาก่อน ไม่มีระดับขั้น…”
เป็นคนงานรับจ้างมาก่อนและยังไม่มีระดับขั้นด้วยหรือ
นี่ก็หมายความว่าสูตรลับในงานประชันเครื่องหอมเมืองซั่วหยางหากนางไม่ได้ยืมก็คงขโมยมา นางเป็นแค่คนหลอกลวงที่แย่งชิงชื่อเสียงเท่านั้น!
แววตาขององค์หญิงหมิงอวี้สลดลง นางหยิบหัวเข็มขัดกระเบื้องขึ้นมาเล่น
ฮองเฮาขมวดหัวคิ้วพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ “เฮยมู่ส่งเครื่องหอมมาหรือไม่” นางกวาดตามองไปรอบ “เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเลย”
ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว องค์หญิงหมิงอวี้ก็เงยหน้าขึ้นมา…
ชุยเฉวียนตอบ “ทูลฮองเฮา โรงธูปไป่เยี่ยไม่มีเครื่องหอมเข้าถวายพ่ะย่ะค่ะ…”
“เฮยมู่คนนี้เย่อหยิ่งเกินไปแล้ว…” อิงอ๋องทำเป็นโอดครวญราวกับไม่จงใจ “ก็แค่มีความสามารถเล็กน้อย ทั้งยังเป็นแค่พ่อค้าเท่านั้น แม้แต่เรื่องใหญ่อย่างงานอภิเษกของน้องหญิงยังไม่เข้าร่วม เสียทีที่เสด็จแม่ยกธูปพระพยักหน้าขึ้นเป็นธูปบรรณาการ…” ถึงน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาของอิงอ๋องกลับฉายความโหดเหี้ยมออกมา
เฮยมู่ช่างไม่รู้จักรับการสนับสนุนเอาเสียเลย ตนเองยกธูปพระพยักหน้าขึ้นเป็นธูปบรรณาการให้แท้ๆ กลับไม่รู้จักขอบคุณ แม้แต่ฐานะเป็นอย่างไรนั้นก็ยังไม่ยอมเปิดเผย ทั้งมีท่าทีไม่ชัดเจน ตอนนี้การคัดเลือกเครื่องหอมใกล้รู้ผลแน่ชัดแล้ว เขาควรจะหาเวลาจัดการเฮยมู่ได้แล้วกระมัง ไม่อย่างนั้นคงจะทะนงตนว่าอายุน้อยมีความสามารถ และเย่อหยิ่งไปเรื่อยๆ เช่นนี้ หากไม่โยนอีกฝ่ายให้ลอยเคว้งกลางอากาศ คนผู้นั้นก็คงไม่รู้ว่าควรจะหาที่พึ่งพิง!
ในดวงตาฮองเฮามีความผิดหวังวาดผ่าน แต่ปากกลับถามเสียงเรียบ “เขามีชาติกำเนิดอย่างไร”
“ในวังไม่มีบันทึกไว้พ่ะย่ะค่ะ” ชุยเฉวียนโค้งตัวตอบ “กระหม่อมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้…”
“อืม…” ฮองเฮาพยักหน้า มองไปทางทุกคน “แยกย้ายกันเถอะ เราก็เหนื่อยแล้ว…”