ตอนนี้ทุกคนล้วนมองว่านางยืนอยู่ในจุดรุ่งเรืองอย่างสง่างาม อิจฉาความเป็นสุดยอดอัจฉริยะของนาง แต่จะมีใครรู้บ้างว่าเบื้องหลังนั้นอัจฉริยะผู้นี้ต้องทนกับสิ่งที่ทุกคนอาจทนไม่ได้มามากมายเท่าใด
นางคนเดียวเดินผ่านค่ำคืนเงียบเหงาเหล่านี้มานานเท่าใดกัน
ลูบโหลกระเบื้องที่ทั้งเรียบง่ายและน่าเกลียดแต่กลับล้างอย่างสะอาด แต่ละใบติดแผ่นป้ายไว้อย่างเรียบร้อยและเขียนชื่อวัตถุดิบเอาไว้อย่างงดงาม คิดถึงสิ่งที่แม่สั่วจื่อพูดว่านางในยามนั้นสวมเสื้อกั๊กตัวเดียวห้าหกเดือน ร้อนจนเหงื่อท่วม เพราะเสื้อหน้าร้อนยังอยู่ที่โรงจำนำ ยังไม่มีเงินไปไถ่คืนมาได้ เพียงแค่นึกถึง ความรู้สึกรักทะนุถนอมราวกับดอกไม้ถูกบีบจนสลายก็พุ่งเข้ามาในหัวใจ ดวงตาเย็นชาของหลีจวินมีน้ำรื้นขึ้นมา
…ร่างบอบบางอย่างนั้นจะทนรับการกดทับของผ้าห่มที่ทั้งหนาและแข็งเช่นนี้ได้อย่างไร หลีจวินนอนนิ่งเงียบอยู่บนเตียงดิน บนร่างเขามีผ้าห่มที่ทั้งหนาและแข็งทาบทับจนรู้สึกหายใจไม่ออก เขาถอนหายใจเอื่อย แม้เครื่องนอนจะไม่สบายเพียงใด แต่เมื่อคิดว่าผ้าห่มนี้มู่หวั่นชิวเคยห่มมาก่อน หลีจวินก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
วันเวลาที่ยากลำบากของนางเขากลับไม่เคยได้อยู่ร่วมทุกข์กับนาง แต่ตอนนี้เขาได้ลิ้มรสความขมขื่นแต่หวานชื่นนั้นแล้ว
ตรงหน้าปรากฏภาพดวงตาลึกล้ำคู่นั้นและใบหน้าใสซื่อน่ารัก แล้วความรู้สึกก็เปี่ยมล้นอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็คิดถึงจุมพิตร้อนแรงที่เกิดโดยไม่คาดคิดก่อนที่จะมาที่นี่ วันนั้นเขาสับสน ลุ่มหลงจนยากจะหักห้ามใจได้ ในตอนนั้นเขาไม่ทันสังเกต แต่เมื่อย้อนคิดดู จุมพิตนั้นมิใช่เพียงเขาที่ครอบครองอยู่ฝ่ายเดียว ทว่านางก็ตอบสนองเขาด้วย และนางก็สับสน ลุ่มหลงเช่นเดียวกับเขา คิดถึงใบหน้าแดงเรื่อราวดอกท้อเดือนสามนั่นแล้ว มุมปากหลีจวินก็ยกโค้งมีรอยยิ้มออกมาในทันที
ในใจของนางมีความชอบเขาบ้างแล้ว เพียงแต่ตัวนางเองอาจจะยังมองไม่เห็น แต่เขาไม่กลัวหรอก เขามีความอดทนพอที่จะรอนางได้
สิบวันผ่านไปแล้ว เหยาจิ่นที่แต่งตัวอย่างงดงามในทุกวันกำลังรอให้หลีจวินมาหาที่บ้าน จากที่เคยขบกรามอย่างโมโหกลายเป็นเฝ้ารอ
ขอเพียงเขายอมมาขอร้องถึงที่บ้าน นางจะไม่ให้เขาคุกเข่าก็ได้ ขอเพียงเขายอมขอโทษนางต่อหน้าคนอื่นและสัญญาว่าจะยกนางขึ้นเป็นภรรยาเอกก็พอ
ความเกลียดนับพัน ความแค้นนับหมื่น ทั้งหมดล้วนมีต้นเหตุมาจากความรักในใจที่ตัดไม่ขาด
ทุกสิ่งที่นางทำ เพียงเพราะอยากให้เขาเป็นเหมือนชายอื่นที่วนอยู่รอบตัวนาง พูดถึงที่สุดแล้วนางก็ยังปรารถนาจะได้เป็นภรรยาเอกของเขา
แต่ว่านับจากวันนั้นที่ถูกกันไม่ให้พบ หลีจวินก็ไม่มาที่ร้านเหยาจี้อีกเลย
สิ่งนี้ทำให้ความมั่นใจของเหยาซื่อซิงหวั่นไหวไปเช่นกัน เขาเริ่มไม่สบายใจขึ้นมาทีละนิดจึงสั่งเหยาฟู่ว่า “ส่งคนไปสืบข่าวความเคลื่อนไหวที่ร้านหลีจี้สาขาย่อย”
คนที่ถูกส่งไปกลับมาอย่างรวดเร็ว “คุณชายใหญ่ตระกูลหลีกลับเมืองต้าเยี่ยไปเมื่อสามวันก่อนแล้วขอรับ แม้แต่หลีเฮ่อก็ถูกพาตัวไปด้วย ร้านหลีจี้สาขาย่อยให้เซวียหย่งดูแลชั่วคราว ป้ายรับซื้อจันทน์หอมหน้าประตูก็ปลดลงมาแล้ว”
เหยาซื่อซิงหน้าขาวซีด เขามองเหยาฟู่อย่างไม่เข้าใจ “หลีจวินกลับต้าเยี่ยแล้วหรือ เขาไม่รับซื้อจันทน์หอมแล้ว? นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่”
เหยาฟู่ส่ายหน้า “บ่าวส่งคนไปสืบข่าวที่ต้าเยี่ยแล้ว นายท่านจะรออีกสักนิดหรือไม่”
การรอครั้งนี้ต้องรอนานถึงหนึ่งเดือน
หิมะบนเขาละลายแล้ว ดอกท้อบนต้นเบ่งบาน คนที่เก็บตัวมาตลอดฤดูหนาวเริ่มโผล่ออกมาราวกับหน่อไม้สด การเริ่มต้นปีที่ดีอยู่ที่ฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนที่มีความสุขเริ่มวุ่นวายอยู่กับการทำการเกษตร ทั่วพื้นที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
แต่ภายในโถงตระกูลเหยากลับมีไอแห่งความตายปกคลุม
“…อะไรนะ!” ได้ยินรายงานจากสายลับที่กลับมาจากต้าเยี่ยแล้ว เหยาซื่อซิงก็หน้าถอดสี “ตระกูลหลีไม่ได้รับคนงานเพิ่ม แล้วก็ไม่ได้เพิ่มเครื่องมืออะไรเลยหรือ” สองเดือนหากจะทำธูปไหว้พระสิบล้านดอกออกมาให้ทันได้นั้นต่อให้ร้านหลีจี้จะใหญ่โตเพียงใดก็ต้องเพิ่มคนงานและเพิ่มเครื่องมือบ้าง แล้วก็ต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ แต่ตอนนี้กลับไม่เพิ่มอะไรเลย เหยาซื่อซิงรู้สึกว่าสมองของเขาไม่ทำงาน เขามองเหยาฟู่อย่างงุนงง “…ตระกูลหลีคิดจะทำอะไรกันแน่”
“คิดจะขัดพระราชโองการ…คิดจะเป็นปลาตายตาข่ายขาดพร้อมกับพวกเราเป็นแน่” เหยาฟู่เสียงสั่นเครือ เขาลำดับคำพูดไม่ถูกแล้ว
“แพ้โดยมิสู้ นี่ไม่ใช่นิสัยของหลีจวิน…” เหยาซื่อซิงส่ายหน้าอย่างไม่วางใจ “เขาคิดจะบีบให้ข้าลดราคาสินะ!” ในดวงตาที่สิ้นหวังยังคงเปล่งแสงแห่งความหวังอยู่เลือนราง