หยิบธูปขึ้นมาเตรียมจะจุด นางก็เหลือบเห็นป้ายสลักเจ้ามังกรที่งดงามราวของจริงวางอยู่บนโต๊ะ มู่หวั่นชิวจึงวางธูปลง แล้วยื่นมือไปลูบเบาๆ
ที่ตรงนี้ควรจะเป็นป้ายวิญญาณของท่านพ่อท่านแม่จึงจะถูก
บิดาเป็นขุนนางต้องโทษ นางจึงไม่กล้าวางป้ายวิญญาณบนนั้นให้ใครเห็น แต่อย่างน้อยก็ควรจะเว้นที่ตรงนี้ให้ว่างเอาไว้!
แต่ว่าหากเอาป้ายสลักเจ้ามังกรลงมาเช่นนี้ นางจะพูดกับชาวเมืองด้านหลังว่าอย่างไร
มองไปโดยรอบแล้ว มู่หวั่นชิวก็ตัดสินใจเด็ดขาด สองมือถือป้ายสลักเจ้ามังกรมาหยุดยืนตรงหน้าแท่นพิธีขอฝน คำนับไปทางแม่น้ำเจ้ามังกรสามครั้งอย่างเคารพ ทันใดนั้นท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน นางก็ออกแรงโยนป้ายสลักเจ้ามังกรลงแม่น้ำเจ้ามังกรไป
เบื้องล่างแท่นพิธีพลันส่งเสียงอื้ออึงขึ้นทันที
มู่หวั่นชิวสงบสติ มือกดทาบไปตรงตำแหน่งหัวใจที่เต้นโครมคราม พยายามไม่หันไปมองกลุ่มคนเบื้องหลัง ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของทุกคนนั้น นางจุดธูปสามดอกอย่างช้าๆ แล้วหันไปทางเมืองอันคัง พลางคำนับสามครั้ง
ชาติก่อน…บิดามารดาของนางก็ถูกฝังไว้ที่เขาลั่วรื่อทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอันคัง
ปักธูปเสร็จแล้ว มู่หวั่นชิวก็คุกเข่าลงบนเบาะ เทสุราสามจอกรดลงบนพื้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกมาเซ่นไหว้พวกท่านแล้ว”
พูดถึงท่านพ่อ มู่หวั่นชิวก็น้ำตาไหลพรากราวกับสายฝน
ในใจแอบพูดกับบิดามารดา ขณะที่นางคุกเข่าตรงนั้นเนิ่นนานไม่ยอมลุกขึ้น
ไม่รู้ว่ามู่หวั่นชิวกำลังอธิษฐานอะไร แต่บริเวณแท่นพิธีก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง ทุกคนมองไปยังหญิงสาวบนแท่นพิธีที่ร่างสั่นเล็กน้อย ทว่ากลับยังคุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้น
นางกำลังทำอะไร…
ขอฝนอยู่แน่หรือ…
จนกระทั่งเห็นนางโขกหัวอีกหลายที แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น จากนั้นจึงหมุนตัวเดินลงมาจากแท่นพิธีขอฝนอย่างเชื่องช้า ทุกคนยังมีความรู้สึกไม่เชื่อถืออยู่บ้าง
แค่นี้ก็เสร็จแล้ว?
ง่ายเพียงนี้เชียว?
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว?…สวรรค์จะบันดาลฝนมาให้จริงหรือ
เคยเห็นนักบวช นักพรต ทำพิธีมามาก แต่การทำพิธีของหญิงสาวเช่นนี้ พวกเขาก็เพิ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรก จนกระทั่งนางมายืนนิ่งอยู่ที่ด้านล่างแท่นพิธี ทุกคนจึงได้สติคืนมา
พิธีขอฝนเสร็จสิ้นอย่างง่ายดายเช่นนี้จริงหรือ!
ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงขึ้นอีกครั้ง
“ลือกันว่าเจ้ามังกรอยู่ที่ทะเลตงไห่ เหตุใดแม่นางไป๋จึงหันหน้ากราบไหว้ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือล่ะ” นักพรตผู้นำพิธีอดกลั้นอยู่นานก่อนจะก้าวออกมา
“ข้าไม่สนิทกับเจ้ามังกรทะเลตงไห่” มู่หวั่นชิวตะลึงไปเล็กน้อย แต่แล้วก็ตอบไปอย่างสงบนิ่ง
“ไม่…ไม่สนิท!” นักพรตผู้นำพิธีตกตะลึง หรือนางจะรู้จักกับเจ้ามังกรทะเลซีเป่ย?
นางจึงไปขอร้องเจ้ามังกรทะเลซีเป่ย!
ในแววตาฉายความนับถือ ทั้งยังฉายความอิจฉา แต่แล้วนักพรตผู้นำพิธีก็ส่ายหน้า ไม่ถูกๆ…ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าบนโลกนี้มีเจ้ามังกรทะเลซีเป่ยอยู่ด้วย!
ปากขยับแล้วขยับอีก เขาอยากจะสอบถาม แต่เมื่อเห็นท่าทางสง่างามราวเทพธิดาของมู่หวั่นชิวแล้ว คำพูดที่อยู่ตรงปลายลิ้นกลับหยุดไป
ท่ามกลางสายตาผู้คน หากเขาพูดอะไรไม่เข้าที เกิดถูกหญิงสาวผู้นี้ตอกกลับมา ต่อไปใครจะเชื่อวิชาอาคมของเขาอีก
เขายังไม่อยาก…ทุบหม้อข้าวของตัวเอง!
“เช่นนั้น…” ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นักพรตผู้นำพิธียังคงไม่เชื่ออย่างสนิทใจ เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วเหตุใดแม่นางไป๋ต้องโยนป้ายสลักเจ้ามังกรทะเลตงไห่ลงในแม่น้ำเจ้ามังกรด้วยล่ะ” ยังคงถามต่อไปอีกว่า “แม่นางไป๋ไม่กลัวว่าทำผิดต่อเจ้ามังกรตงไห่แล้ว จะเกิดความวุ่นวายหรือ”
ด้านล่างแท่นพิธีพลันสงบเงียบลงทันที นี่เป็นหมอกที่ครอบคลุมจิตใจของทุกคนตลอดพิธีการขอฝนนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวมาโดยตลอด
“มังกรกลับคืนทะเล จึงจะบินขึ้นสู่สวรรค์ เรียกเมฆปล่อยฝนให้ตกลงมาได้” หลังจากจับมือชุ่ยหงโน้มตัวขึ้นเกี้ยวแล้ว มู่หวั่นชิวก็ปิดม่านเกี้ยวลง เสียงคำพูดสองคำสุดท้ายหายไปในเกี้ยวนั้น
“มังกรกลับคืนทะเล จึงจะเรียกเมฆปล่อยฝนให้ตกลงมาได้หรือ” มองเกี้ยวที่เคลื่อนไกลออกไป นักพรตผู้นำพิธีก็พร่ำพูดออกมาอย่างเลื่อนลอย
หรือที่ฝนไม่ตก เป็นเพราะพวกเขาใช้วิธีผิด แบกเจ้ามังกรมาตากแดดตากลมทุกวัน ทำให้เจ้ามังกรพิโรธ จึงได้เกิดภัยแล้งที่ไม่เคยเจอมาในรอบร้อยปี…
นักพรตผู้นำพิธีส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ เพียงใช้สายตาส่งเกี้ยวของมู่หวั่นชิวไกลออกไป แล้วส่ายหน้าอีกครั้ง เขายังคงรู้สึกงุนงงอยู่เช่นเดิม