เสด็จอา บทที่ 1 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

overgraY

เสด็จอา บทที่ 1 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 1

 

ข้าคือพระปิตุลา ผู้เป็นอาของฮ่องเต้

ทว่าข้ามิใช่อาแท้ๆ การสืบสายนั้นห่างกันอยู่ชั้นหนึ่ง บิดาของข้ากับถงกวงตี้ ปู่ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นพี่น้องร่วมอุทรกัน ข้าจึงนับเป็นอาผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระบิดาของฮ่องเต้

แต่เหล่าพี่น้องของอดีตฮ่องเต้ล้วนตายไปหมดแล้ว ข้าซึ่งเป็นอาไม่แท้จึงได้กลายเป็นอาที่สนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าอาแท้ๆ เสียอีก

ประโยคสุดท้ายอันน่าสะอิดสะเอียนนั้นมิใช่ข้าเป็นคนพูด

คนที่พูดประโยคนี้คือไทเฮา

ครั้งแรกที่ไทเฮาเอ่ยประโยคนี้ออกมาฮ่องเต้ยังไม่ขึ้นครองราชย์ อดีตฮ่องเต้เองก็เพิ่งเสด็จสวรรคต พระนางสวมชุดไว้ทุกข์ หันมาเอ่ยกับข้าด้วยขอบตาแดงก่ำว่า ‘เฉิงจวิ้น แม้เจ้าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของอดีตฮ่องเต้ แต่ใจข้าเห็นเจ้าเป็นน้องแท้ๆ ของสามีมาโดยตลอด เจ้าเป็นอาที่ใกล้ชิดกับฉีเจ่อที่สุด สนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าอาแท้ๆ เสียอีก’

ตอนนั้นข้าที่กำลังเศร้าโศกเสียใจรำลึกถึงอดีตฮ่องเต้อยู่พลันถูกคำพูดประโยคนี้ของพระนางทำให้ขนลุกเป็นตุ่มหนังไก่ไปทั้งตัว

จากนั้นประโยคต่อท้ายของพระนางก็ตามมาในทันทีว่า ‘วันหน้าฉีเจ่อยังต้องพึ่งพาเจ้านะเฉิงจวิ้น ช่วยเหลือเขาให้มาก ข้าขอร้องเจ้าตรงนี้แล้ว’

หลังจากวันนั้นมารดาของข้าก็มีประโยคสรุปได้ยอดเยี่ยมยิ่ง นางบอกว่า ‘ผู้ที่รายล้อมโอบอุ้มบัลลังก์ของฮ่องเต้ เมื่อต้องการใช้ประโยชน์จากเจ้าก็ตีสนิทกับเจ้ามากกว่าใครทั้งสิ้น เมื่อไร้ประโยชน์แล้วก็แทบอยากจะให้เจ้าตายไปเสีย’

จนเมื่อฝ่าบาททรงว่าราชการเองได้ บัลลังก์มั่นคงดังคราบเขม่าติดกระทะ บางครายามข้าเข้าๆ ออกๆ วังหลวงและได้พบไทเฮา สายตาที่พระนางมองข้าช่างดูเหมือนอยากจะให้ข้าตามไปรับใช้อดีตฮ่องเต้อย่างไรอย่างนั้น

คล้ายกับเมื่อปีนั้น อดีตฮ่องเต้และคนข้างกายก็มองบิดาของข้าเช่นนี้ ทรงยึดกุมความหวังเช่นนี้ไว้ในใจอยู่หลายปี ท้ายที่สุดก็สมหวังในวันที่บิดาข้าถูกฝังลงดิน ข้าคิดว่าวันที่พระองค์สวรรคตไปคงหลับตาลงได้อย่างสบายใจ น่าเสียดายที่โชคร้ายของรุ่นก่อนยังคงถ่ายทอดมาถึงรุ่นปัจจุบัน ฮองเฮาและโอรสของพระองค์ได้เจริญรอยตาม นั่นคือยังคงหมายหัวข้า

ตราบจนข้าลงโลงแล้วนั่นแหละ เรื่องนี้จึงจะนับว่าสิ้นสุด

 

เคยมีคนว่างงานอ่านรายงานสถานการณ์ของราชวงศ์ยามนี้แล้วสรุปออกมาเป็นสามเนื้อร้ายของราชสำนัก

หวังฉินจอมเขมือบ ท้องพระคลังไม่เคยเต็ม

อวิ๋นถังลักลอบเล่นพวก การเมืองไม่ใสสะอาด

ไหวอ๋องกุมอำนาจ หัวหน้าร้อยพิษ สั่นคลอนบัลลังก์ฮ่องเต้

หัวหน้าร้อยพิษที่กล่าวถึง ยอดคนชั่วผู้กุมอำนาจ เนื้อร้ายก้อนใหญ่ที่สุดก็คืออ๋องน้อยอย่างข้า ไหวอ๋องเฉิงจวิ้นนั่นเอง

กับคำพูดทำนองนี้ ข้ากล่าวได้เพียงว่าจนใจเหลือเกิน

แท้จริงแล้วข้าทำตัวอยู่ในกรอบมาโดยตลอด จงรักภักดี ไร้จิตคิดกอบโกยอำนาจ ไร้ใจจับจ้องบัลลังก์ฮ่องเต้ ข้ากล้าพูดว่าในราชสำนักนี้ไม่มีขุนนางที่จงรักภักดีไปมากกว่าข้าอีกแล้ว

ที่น่าสลดที่สุดก็คือเรื่องที่ข้าเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์นั้นใต้หล้านี้กลับมีคนเชื่ออยู่ไม่กี่คน

แต่ข้าเป็นคนมีเหตุมีผลเสมอ ข้าขอพูดเหตุผลประโยคหนึ่งว่าการที่คนอื่นเข้าใจไปเช่นนี้ ความผิดมากมายที่สุดยังคงตกอยู่ที่บิดาข้า

ข้าจำได้ว่าเมื่อครั้งยังเยาว์ มารดามักพูดกับข้าว่า ‘บิดาของเจ้าเป็นคนโง่ที่สุดที่ข้าเคยพบพานมาในชีวิต’ จากนั้นนางก็จะลูบศีรษะข้าพลางเอ่ยว่า ‘เจ้าอย่าได้เป็นเช่นเขาเด็ดขาด’

ในสายตาของคนภายนอก บิดาของข้าไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าโง่เลยแม้แต่น้อย อายุสิบห้าปีเข้าร่วมสงคราม อายุสิบเจ็ดปีก็ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ ตลอดชีพวันเวลาส่วนมากใช้ชีวิตบนหลังม้า พ่ายแพ้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

แต่ในสายตาของมารดาและข้าที่ต่อมาเริ่มรู้เดียงสาแล้ว บิดาของข้านั้นช่างขาดแคลนจิตใจหวาดระแวง

ท่านเป็นน้องชายคนเล็กของฮ่องเต้ถงกวงตี้ ท่านมักย้อนระลึกถึงพระองค์ด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าเมื่อวัยเยาว์พระองค์ได้ดูแลท่าน รักท่านเช่นไรบ้าง ทรงสอนหนังสือให้ท่านด้วยพระองค์เอง ตอนนอนก็ช่วยห่มผ้าให้ อากาศเย็นก็คอยเพิ่มเสื้อผ้าให้…ผลคือท่านยอมควักเนื้อเฉือนหัวใจเพื่อตอบแทนคุณของเสด็จพี่

แต่ถงกวงตี้มีสุขภาพอ่อนแอ เสด็จสวรรคตก่อนวัยอันควร บิดาข้ายังไม่ทันได้แทนคุณ หลังจากร้องไห้หลั่งน้ำตาน้ำมูกแทบขาดใจ บิดาข้าก็ตัดสินใจตอบแทนบุญคุณนี้ไปยังโอรสของถงกวงตี้ พระบิดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแทน

ขอเพียงด่านชายแดนมีการเคลื่อนไหว ท่านก็จะรีบเสนอตัวไปยังแนวหน้าทันที เวลามีการว่าราชการ มีสิ่งใดที่ท่านรู้สึกว่าสามารถช่วยเหลือราชสำนักและแผ่นดินได้ ท่านต้องถ่ายทอดออกไป บ่อยครั้งกระทำด้วยอารมณ์ฮึกเหิมเร่าร้อน แต่คำเตือนมักไม่รื่นหู ท่านนึกว่าจงรักภักดีทั้งหัวใจ แต่ในสายตาของฮ่องเต้ นี่คือคุณูปการสูงส่งล้มล้างนาย เรียกได้ว่าทระนงหลงอำนาจ

มารดาข้าเคยเตือนท่านแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง ท่านรู้สึกว่านั่นเป็นความคิดของสตรีเพศ หัวใจจงรักภักดีของท่านผืนฟ้าผืนดินรู้ตะวันจันทราเห็นเป็นพยาน แล้วไยลูกหลานเชื้อพระวงศ์แท้ๆ ของฮ่องเต้จะสัมผัสไม่ได้

มารดาของข้าจนใจ ได้แต่มองเขาโง่ไปจนถึงวาระสุดท้าย

บิดาข้าจากโลกนี้ไป อำนาจการทหารของท่านก็ถูกขุนนางสำคัญแบ่งทอนไปทันที ข้าก็ได้แต่รับช่วงต่อตำแหน่งอ๋อง มิได้รับตำแหน่งขุนนางกรมสำคัญอันใดในราชสำนัก นอกจากข้าแล้ว ฮ่องเต้ยังมีพระปิตุลาอีกหลายท่าน ซึ่งต่างก็มีตำแหน่งอ๋องทั้งสิ้น และไม่ว่าใครก็มีอำนาจมากกว่าพวกเราวังไหวอ๋อง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด คนนอกเหล่านั้นถึงมักรู้สึกว่าวังไหวอ๋องของพวกเราต้องครอบครองกองกำลังลับอยู่กองกำลังหนึ่งที่เพียงพอจะล้มล้างราชวงศ์ได้

เมื่อปีนั้น ยามที่อดีตฮ่องเต้เพิ่งสวรรคต ไทเฮากล่าวคำชวนสะอิดสะเอียนนั้นกับข้า ปากของข้าก็แค่รับคำไปเฉยๆ ไหนเลยจะรู้ว่าคืนวันนั้นลูกพี่ลูกน้องของข้าและขุนนางคนสำคัญของราชสำนักได้เปิดประชุมกันและชวนข้าเข้าร่วมด้วย ครั้งนั้นเป็นอวิ๋นถังอาจารย์ของอัครเสนาบดีที่พูดว่า ‘แคว้นไม่อาจไร้ผู้นำแม้เพียงวันเดียว แต่นับจากฮ่องเต้สวรรคต บัลลังก์มังกรก็ว่างลงสองวันแล้ว รัชทายาทฉีเจ่อยังทรงพระเยาว์ อ๋องทุกท่านและใต้เท้าทั้งหลายคิดเห็นประการใด’

เมื่อถามมาถึงข้า ข้าก็พูดความจริงไปสองประโยคว่า ‘องค์รัชทายาทสืบทอดตำแหน่ง ถูกต้องตามหลักฟ้าดิน ขอกล่าววาจาไม่เคารพสักนิด นับแต่องค์ชายฉีเจ่อประสูติมาข้าก็เฝ้าดูพระองค์เจริญพระชันษา ทรงเฉลียวฉลาดเฉียบแหลม น้ำพระทัยกว้างขวางมีพระเมตตามาตั้งแต่เล็ก มาวันนี้แม้ยังทรงพระเยาว์ แต่หากเจริญพระชันษาแล้วต้องเป็นฮ่องเต้ผู้ทรงคุณธรรมแน่นอน’ ข้าพูดความจริงแล้วพ่วงด้วยการยกยอฮ่องเต้ต่ออีกเล็กน้อย คิดว่าเช่นนี้น่าจะมีประโยชน์บ้างในภายภาคหน้า

วันรุ่งขึ้น ฉีเจ่อก็ได้สืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ เย็นวันนั้นไทเฮาให้คนมาเรียกข้าเข้าวัง ทรงไล่คนซ้ายขวาออกไปจากห้องทรงพระอักษรแล้วจูงมือของฝ่าบาทมาตรัสว่า ‘ฝ่าบาท ทรงเป็นฮ่องเต้แล้วก็อย่าได้ลืมความชอบของเสด็จอาไหวอ๋องอย่างเด็ดขาด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในราชสำนัก เสด็จอาไหวอ๋องก็ต้องช่วยฝ่าบาทให้มากเช่นกัน’

สายตาของไทเฮาเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ข้าอยากจะอธิบายให้พระนางฟังเหลือเกินว่าต้องมีการเข้าใจผิดบางอย่างแน่ แต่ก็อธิบายไม่ได้

คนเราก็เป็นเสียอย่างนี้ ยิ่งเจ้าอธิบายว่าเจ้าไม่มี เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้ามี

กองกำลังลับของวังไหวอ๋องในความคิดของผู้อื่นโดยเฉพาะในความคิดของไทเฮานั้นยิ่งขยายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

ข้าจึงโชคดีได้เป็นขุนนางคนสำคัญอันดับหนึ่งของราชวงศ์ และเป็นอ๋องชั่วร้ายในความคิดของคนใต้หล้าตราบจนทุกวันนี้

 

วันนี้คือวันที่สองเดือนสี่

เดือนเป็นเลขคู่ วันก็เป็นเลขคู่ นี่นับเป็นวันดีวันหนึ่ง เหมาะสำหรับการขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน อาบน้ำ และออกเดินทาง

ข้ากำลังนั่งอยู่ที่โถงรับแขกด้านหน้า

ในโถงรับแขกมีแขกอยู่สองคน หนึ่งคืออวิ๋นอวี้ลูกชายของอวิ๋นถัง ส่วนอีกคนได้ข่าวมาว่าเพิ่งได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้ตรวจการน้อยในสำนักตรวจการ

อวิ๋นถังซึ่งเป็นหนึ่งในสามเนื้อร้ายที่ก้อนเล็กกว่าข้าเล็กน้อยมิได้มีแต่ชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น แค่ดูลูกชายของเขาอย่างอวิ๋นอวี้ก็รู้แล้ว อายุเพียงแค่ยี่สิบสองยี่สิบสามปีกลับดำรงตำแหน่งขุนนางน้อยใหญ่ถึงสามสี่ตำแหน่งในราชสำนัก หัวหน้าสำนักตรวจการก็เป็นหนึ่งในนั้น และผู้ตรวจการน้อยคนใหม่ที่อายุมากกว่าเขาหลายปีก็ทำได้เพียงเคารพนบนอบต่อเขา ยอมให้ถูกลากมาคารวะข้า

อวิ๋นอวี้พูดกับข้าด้วยท่าทีจริงจัง “ผู้ตรวจการน้อยเฮ่อนั้นเป็นคนเก่งที่หาได้ยาก เพียงแต่อายุยังน้อย ประสบการณ์ยังอ่อนด้อย หวังว่าในวันข้างหน้าไหวอ๋องจะช่วยดูแลด้วย”

จากนั้นก็หันไปพูดยิ้มๆ กับผู้ตรวจการน้อยสกุลเฮ่อที่ทำตัวอยู่ในระเบียบเสียจนคล้ายไม้กระดานฝาโลง “เจ้าคงรู้จักไหวอ๋อง เขาไม่เพียงเป็นพระปิตุลาของฝ่าบาท แต่ยังเป็นพระปิตุลาที่สนิทสนมกับฝ่าบาทมากที่สุดด้วย”

คำพูดนี้ข้าได้ยินมาตลอดระยะเวลาหลายปีจนชินชาเสียแล้ว ดังนั้นจึงแค่หันไปมอบรอยยิ้มเป็นมิตรให้แก่ผู้ตรวจการน้อย

ทว่าแค่การเข้าพบปกติธรรมดาครั้งหนึ่งก็สมควรเป็นเช่นนี้

จนกระทั่งชายาของข้าหุนหันเข้ามา

ฉีหลี่ หลานอีกคนของข้าซึ่งเป็นทายาทโซ่วอ๋องเคยติติงข้าว่า ‘เสด็จอาอะไรก็ดีทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็คิดแต่ว่าเหตุผลในใต้หล้านี้ล้วนอยู่ข้างท่าน สิ่งใดๆ ล้วนเป็นความผิดของคนรอบข้าง ส่วนท่านไม่เคยผิดเลย ข้อเสียนี้ช่างทำให้คนขัดใจเสียจริง’

ข้ารู้สึกว่าคำพูดของเขาไม่ถูกต้องมาโดยตลอด ข้านึกค้านอย่างยิ่ง แต่ไหนแต่ไรมาข้ามักพิจารณาตนเองเสมอ เมื่อเจอเรื่องอันใดก็จะหาว่าตนทำผิดเช่นไรก่อน แต่ปกติแล้วก็จะหาไม่เจอจริงๆ เช่นนี้ถึงไปหาดูจากผู้อื่น

ตอนนี้ก็เช่นกัน ข้ามองไปที่ชายา ก็ยังคงพิจารณาตนเองว่าไปทำเรื่องอะไรที่ทำให้นางกระทำกิริยาผิดมารยาทน่าตกตะลึงเช่นนี้

ข้าพิจารณาอยู่ชั่วครู่ พบว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

ตั้งแต่นางแต่งเข้าวังไหวอ๋องของข้า หลายปีมานี้ข้าก็เคารพ เลี้ยงดูนาง นางต้องการทอง ข้าก็จะไม่ให้เงินนางเด็ดขาด นางต้องการสวมผ้าไหม ข้าก็จะไม่ให้นางสวมผ้าต่วนแน่นอน

หนึ่ง ข้าไม่เคยพูดกับนางรุนแรง สอง ข้าไม่เคยรับอนุ

แต่เหตุใดชายาถึงได้ยืนหลังตั้งตรง เชิดหน้ายืดอกแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ข้าท้องแล้ว! แน่นอนว่าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน!”

โถงรับแขกเงียบสนิท

สีหน้าของผู้ตรวจการน้อยเฮ่อตกใจจนซีดขาว ส่วนอวิ๋นอวี้หลุดหัวเราะครั้งหนึ่ง

นางเบี่ยงกาย ชี้ไปยังเงาร่างที่ถูกมัดเป็นขนมจ้างตรงข้างประตูกั้นโถงรับแขกกับห้องด้านใน “ข้าขอบอกท่านอ๋องอย่างไม่กลัว เด็กในท้องของข้าเป็นลูกของข้ากับเขา!”

ผู้ตรวจการน้อยเฮ่อที่หน้าซีดเซียวตัวสั่นระริกพลันลุกขึ้นคิดจะไป แต่อวิ๋นอวี้ทับชายแขนเสื้อเขาอยู่ บังคับให้เขานั่งลง ส่วนตนเองยิ้มระรื่นชมเหตุการณ์ต่อไป

ชายามองข้าด้วยใบหน้าอาบน้ำตา กล่าวเสียงเฉียบขาด “วันนี้ข้าทำเรื่องเช่นนี้ เพราะข้าต้องการจะพูดออกมาต่อหน้าธารกำนัล ท่านอ๋องคิดจะจัดการข้าเช่นไร” นางจ้องข้า สายตาประหนึ่งมีด “ข้าต้องการจะบอกกับท่านว่าคนที่ไล่ต้อนข้าจนถึงขั้นนี้ล้วนเป็นท่านทั้งสิ้น เป็นท่านที่ค่อยๆ บีบบังคับข้าจนถึงวันนี้ ข้าขอยอมตายดีกว่าทนเช่นนี้ต่อไป ต่อให้ข้าดิ้นรนจนต้องตายก็จะทำให้ท่านสูญสิ้นซึ่งศักดิ์ศรี”

สองตาของนางแดงก่ำ เต็มไปด้วยความแค้นถึงขั้นเฉือนเนื้อเถือกระดูกข้า

“ท่านอ๋อง ถึงเวลานี้แล้วไฉนท่านยังไม่พูดอะไรอีก ไยไม่กล้าต่อว่าข้า ไม่กล้าเรียกคนมาลากข้าออกไป นั่นเพราะว่าท่านไร้ความกล้า เพราะว่าท่านติดค้างข้าอย่างไรเล่า”

ข้าได้ยินเสียงอุทาน คล้ายอวิ๋นอวี้กำลังจิบน้ำชาแล้วถือถ้วยชมดูต่อ แววตาสื่ออารมณ์สนุกคึกคักมาก

ชายาก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว จ้องข้าเขม็ง “เพราะท่านกลัวผู้คนจะรู้ว่าไหวอ๋องเฉิงจวิ้นเป็นผู้ชมชอบบุรุษและไร้ความสามารถบนเตียง”

เรื่องขายหน้าที่สุดในรอบพันปีเกิดขึ้นวันนี้ที่วังไหวอ๋อง

ถ้วยชากระทบโต๊ะเสียงดังกึก เสียงอวิ๋นอวี้เอ่ยขึ้น “พระชายา ข้าน้อยที่เป็นคนนอกขอกล่าวสักประโยค เรื่องไร้ความสามารถบนเตียง คงเป็นท่านที่ใส่ความท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องเคยไปสถานเริงรมย์กับพวกข้าอยู่หลายครา แม้จะโปรดบุรุษเพศ แต่พวกข้าน้อยรวมทั้งเหล่าคณิกาชายหญิงสามารถเป็นพยานได้ ไหวอ๋องค่อนข้างช่ำชองเรื่องบนเตียง มิได้ไม่ถนัดอย่างที่ท่านอ้าง”

ชายาพลันส่งเสียงหัวเราะดังก้อง หัวเราะจนตัวโก่ง หายใจแทบไม่ทัน

นางชี้นิ้วมาทางข้า “ท่านรู้หรือไม่ ท่านทำลายทั้งชีวิตของข้า ข้าแค้นท่าน ไม่ว่าเป็นคนเป็นผี ข้าล้วนไม่ละเว้นท่าน วันนี้ข้าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ต่อหน้าคนนอก คนใต้หล้าจะได้รู้ว่าไหวอ๋องเป็นเต่า* ตัวหนึ่ง”

นางชี้ไปยังขนมจ้างที่ข้างประตู พูดกลั้วหัวเราะในลำคอ “เป็นเช่นไรเล่าท่านอ๋อง เห็นชู้ของข้าแล้วรู้สึกแปลกใจบ้างหรือไม่ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องคิดจะลงโทษข้ากับเขาเช่นไร”

ขนมจ้างเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใช้ดวงตาใสกระจ่างมองมายังข้า

ขมับของข้าเต้นตุบๆ ปวดเสียจนมึนงงไปครึ่งศีรษะ

ข้าอยากจะบอกกับนางว่า ‘เจ้าผิดแล้ว ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้เวลานี้มิใช่ข้า’

ชายาแต่งกับข้ามาหลายปี ข้ากับนางไม่เคยได้เป็นสามีภรรยากันทางกายจริง นั่นมิใช่เพราะข้าไม่อยาก แต่เป็นนางเองที่ไม่ยอมมาโดยตลอด

ชายาเป็นบุตรีของขุนนางหลี่ ราชเลขาธิการที่มีชื่อเสียงด้านความจงรักภักดี ในราชสำนักที่สามเนื้อร้ายแปดเปื้อนจนด่างพร้อย ขุนนางหลี่ประหนึ่งเสาตี่จู้** ขาวสะอาดที่ตั้งกลางน้ำเน่าไหลเชี่ยว เป็นที่ไว้วางใจของอดีตฮ่องเต้กับไทเฮาองค์ปัจจุบันยิ่ง ท้ายที่สุดหักโหมงานเกินไป อายุเพียงสี่สิบหกปีก็จบชีวิตลงในจวนว่าราชการนั่นเอง

ครั้งนั้นข้ายังเป็นหนุ่มน้อยที่ถึงวัยแต่งภรรยา ไทเฮาเกรงว่าข้าจะแต่งงานกับลูกสาวของหวังฉินหรืออวิ๋นถัง ทำให้เนื้อร้ายรวมเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน จึงเป็นแม่สื่อขอบุตรีของขุนนางหลี่ให้กับข้าด้วยพระองค์เอง จะอย่างไรก็มีขุนนางหลี่คอยเหนี่ยวรั้งเนื้อร้ายเช่นข้าเอาไว้

ข้าก็ยินดีที่จะรับนางมาเป็นชายา คุณหนูหลี่มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง เล่าลือกันว่านางมีรูปลักษณ์งดงาม เก่งกาจพิณหมากกลอนภาพ ไม่มีหนุ่มน้อยผู้ใดมิชอบคนงามเช่นนี้ ข้ารู้ว่าชื่อเล่นของนางคือ ‘หรูหรู’ ชอบสีเหลืองอ่อนหรือสีชาด ชอบอ่านกลอนของไป๋จูอี้*** ทั้งนี้เพราะข้าตั้งใจใช้คนไปสืบเรื่องของนางมาโดยเฉพาะ ขาดก็แต่ปีนกำแพงจวนสกุลหลี่ ใช้ใบไม้เขียนกลอนสองสามประโยคแล้วโยนเข้าไปตกในสวนใกล้ห้องของนางเท่านั้น

ทว่าต่อมาข้าได้ยินว่าเมื่อนางรู้ว่าต้องแต่งให้กับข้าแล้วก็ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตาย อดอาหารต่อต้านไม่ต้องการแต่งให้กับอ๋องชั่วเช่นข้า ขุนนางหลี่กับภรรยาอธิบายเหตุผลกับนาง หลังจากกล่อมอยู่หลายวัน คุณหนูหรูหรูถึงตัดสินใจสละตนเองเพื่อคนใต้หล้า แต่งเข้าวังไหวอ๋องของข้า

เมื่อข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่ยินดี แต่คิดแล้วข้าที่เป็นถึงอ๋องคงไม่ถูกรังเกียจถึงเพียงนั้น รอจนนางแต่งเข้าวังแล้วได้เห็นรูปลักษณ์หล่อเหลางามสง่าและตัวตนแท้จริงอันซื่อสัตย์จริงใจของข้าแล้ว ไม่แน่ว่าอาจเปลี่ยนใจร่วมใช้ชีวิตกับข้าอย่างมีความสุขก็เป็นได้

 

* เต่าในที่นี้เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่ภรรยามีชู้

** เสาตี่จู้ เป็นชื่อภูเขาที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำหวงเหอที่ไหลเชี่ยว ลักษณะคล้ายเสา

*** ไป๋จูอี้หรือไป๋เล่อเทียน นักกลอนแนวทางสัจนิยมที่มีชื่อเสียงสมัยราชวงศ์ถัง

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

Continue Reading

More in overgraY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com