EverY Pride Talk เปิดรับความหลากหลายได้ไม่สิ้นสุดกับ ตัวแม่*

          นักเขียนเอเวอร์วายอีกหนึ่งคนที่เราได้มีโอกาสชวนมาร่วมพูดคุยในเดือน Pride Month นี้คือ คุณตัวแม่* หนึ่งในผู้สร้างสรรค์ผลงานรวมเรื่องสั้น Y Do You Love Me? และ Close Friend โคตรแฟน

          นอกจากบทบาทในการเป็นนักเขียนแล้ว คุณตัวแม่* ยังเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน LGBTQIA+ ด้วย วันนี้เราจึงขอชวนคุณนักเขียนมาร่วมแชร์แรงบันดาลใจและมุมมองดีๆ เกี่ยวกับวงการนิยาย Boy’s Love และ Girl’s Love กัน

จุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นิยายที่มีตัวละครหลักเป็น LGBTQIA+

บอกตามตรงเลยก็คือ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน LGBT+ เราเลยอยากเขียนนิยายที่มีตัวละครที่อยู่ในคอมมิวนิตี้เดียวกันขึ้นมา

เราอ่านนิยายวายมาตั้งแต่หลายปีก่อน ก่อนที่จะบูมแบบทุกวันนี้ ชอบนิยายที่มีตัวเอกเป็นตัวละครเพศเดียวกันอยู่แล้ว จนได้เห็นว่าสำนักพิมพ์แจ่มใสเปิดไลน์นิยายวายของตัวเองเป็นสำนักพิมพ์ everY ขึ้นมาเลยลองส่งต้นฉบับเรื่องสั้นดู เรื่องสั้นแนววายเรื่องแรกของเราชื่อ One Life Stand เป็นเรื่องสั้นพล็อตสุดคลีเช่ คือพระเอกมีใจให้กับนายเอกที่เป็นผู้ชายแล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่าผู้ชายจะรักผู้ชายได้ไหม (หัวเราะ) จริงๆ เป็นโปรเจ็กต์ที่ปั้นรวมกันกับเพื่อนอีก 4 คน แต่มีแค่เรื่องของเรากับ Hamster ที่ผ่านการพิจารณาและได้ตีพิมพ์ในรวมเรื่องสั้น Y Do You Love Me? ตอนนี้เพื่อนแต่ละคนในโปรเจ็กต์นั้นก็เติบโตในเส้นทางของตัวเองได้อย่างสวยงาม บางคนเป็นนักเขียนดัง บางคนไปเป็นอินฟลูฯ เราก็ดีใจกับเขานะ

ในบทบาทนักเขียน การสร้างสรรค์นิยายที่มีตัวละครหลักเป็น LGBTQIA+ มีข้อคำนึงถึงอะไรเป็นพิเศษหรือไม่

อาจจะไม่เหมือนกับนักเขียนคนอื่น แล้วก็ไม่ได้เป็นข้อคำนึงที่ตีกรอบให้ตัวเองขนาดนั้น แต่เวลาสร้างพล็อตหรืออยากให้ตัวละครทำอะไรสักอย่างที่มันสุ่มเสี่ยงจะ controversial มากๆ เราอาจจะต้องคิดหลายตลบนิดนึง 

นักเขียนวายหลายคนอาจจะกังวลเรื่องความ ‘สมจริง’ ว่าตัวละครของตัวเองจะเหมือนคนในชีวิตจริงหรือเปล่า เขาทำแบบนั้นกันไหม ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ที่ควรคำนึงถึง แต่เราคิดว่าความสมจริงมันก็เป็นสิ่งที่ถกเถียงได้เหมือนกัน เพราะคำว่าจริงของแต่ละคนต่างกัน สิ่งที่เราไม่ได้เจอในชีวิตจริง คนอื่นอาจจะเจอก็ได้ แต่พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าการทำการบ้านไม่สำคัญนะ (หัวเราะ) 

สิ่งที่เราคำนึงถึงมากกว่าคือการกระทำของตัวละครของเราจะสร้างหรือส่งเสริมค่านิยมที่ไม่โอเคบางอย่างให้กับชาว LGBT+ และสังคมโดยรวมหรือเปล่า เช่น การข่มขืน ความรุนแรงทางกายและใจ มีเซ็กซ์โดยไม่คอนเซนต์ อะไรแบบนี้ ตอนเขียนก็อาจจะต้องคิดนิดหน่อยว่าควรใส่ลงไปดีไหม หรือถ้าจำเป็นต้องใส่เพราะมันเมกเซ้นส์กับเรื่องจริงๆ เราใส่คำเตือนได้ไหม เพราะมันมีคนที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้อยู่ในสังคม แต่นั่นล่ะ ย้ำว่านี่เป็นการคำนึงในแบบของเราน่ะนะ นักเขียนคนอื่นอาจจะคิดไม่เหมือนกันก็ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรือผิดฮะ

นิยายแนว Boy’s Love และ Girl’s Love ให้อะไรกับสังคม 

สำหรับเรา อย่างน้อยที่สุดเลย การมีนิยาย Boy’s Love และ Girl’s Love ช่วยสร้างภาพจำว่าความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องปกติและสวยงาม ความรักเองก็มีเฉดสีที่หลากหลาย เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก-นางเอกที่เป็นสเตรทในหนังรอม-คอมที่เราโตมากับมัน การมีตัวเอกเป็นคนหลากหลายทางเพศเองก็เช่นกัน มันคือสิ่งที่ทำให้เห็นว่าตัวละคร LGBT+ ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวประกอบตลกๆ หรือตัวขโมยซีนในสื่อบันเทิงเท่านั้น แต่เรื่องราวของพวกเขาก็น่าสนใจมากพอ มีคุณค่าพอที่จะถูกถ่ายทอด

ส่วนแง่มุมอื่นๆ ที่นิยายวายและยูริจะสร้างอะไรให้กับสังคม จะนำสังคมไปในทางไหน อาจจะอยู่ที่แต่ละเล่มแล้วว่าผู้เขียนมีจุดประสงค์อย่างนั้นหรือเปล่า เราเคยไปอ่านในบทสัมภาษณ์ของนักเขียนบางท่าน เขาบอกว่านิยายไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหรือรับใช้สังคมหรอก เราเห็นด้วยนะ คุณอาจจะเขียนนิยายที่เสิร์ฟแค่ความบันเทิงล้วนๆ เลยก็ได้ ไม่ต้องให้อะไรกับสังคมก็ได้ แค่ไม่ทำให้สังคมแย่ลงก็พอ

ความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย ณ ปัจจุบัน ส่งผลต่อวงการนิยายแนว Boy’s Love และ Girl’s Love หรือไม่

เราไม่ได้อ่านนิยายวายหรือยูริทุกเรื่อง ซีรี่ส์ก็ไม่ค่อยได้ดู เลยไม่ได้ไปติดตามขนาดนั้นว่าความเข้าใจเรื่องความหลากหลายส่งผลต่อสื่อยังไง แต่ในมุมของตัวเอง เท่าที่เห็นผ่านตา เราคิดว่ามันทำให้โลกของวรรณกรรมมีเฉดสีที่หลากหลายมากขึ้นนะ ไม่ว่าจะเพศสภาพของตัวละครที่หลากหลายขึ้น ปมขัดแย้งของเรื่องที่ย้ายไปเล่ามุมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การ come out หรือสิ่งที่สอดแทรกในเรื่อง อาจจะไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อสมรสเท่าเทียมอีกแล้วเพราะกฎหมายผ่านแล้ว วงการอาจจะมีงานใหม่ๆ ที่ฉีกจากกรอบเดิมๆ มากขึ้น

คิดว่าทิศทางของนิยาย Boy’s Love และ Girl’s Love ในอนาคตจะเป็นไปในทางไหน

บอกตามตรงว่า ไม่แน่ใจว่าเทรนด์จะไปทางไหนเหมือนกัน แต่เราเชื่อว่าตลาดจะเติบโตได้กว่านี้อีกนะ ถ้าถามว่าภาพที่อยากเห็นเป็นยังไง เราอยากเห็นงานไทยไปไกลระดับสากล แปลหลายๆ ภาษาแบบที่ JittiRain และ everY ทำ เพราะนักเขียนไทยหลายคนมีศักยภาพเยอะมากๆ อีกอย่างคือเราเชื่อว่า นิยายหรือสื่อบันเทิงอื่นๆ ที่เป็นวายและยูริ มันจะเฉพาะกลุ่มมากขึ้น แบบมันจะมีเรื่องเวียร์ดๆ หรือตัวละครที่ไม่เคยมีใครเล่าเรื่องของเขาได้ถูกหยิบออกมาเฉิดฉายบนหน้าจอหรือหน้ากระดาษ ซึ่งสำหรับเรามันเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะนั่นคือสัญญาณว่า สังคมการอ่านและการเขียน เปิดรับความหลากหลายได้ไม่สิ้นสุดจริงๆ