ซูมู่กระสับกระส่ายประหนึ่งมีเข็มแทงอยู่กลางหลัง ค่อยๆ หยิบคำให้การขึ้นมาอ่านเร็วๆ รอบหนึ่ง สีหน้าซีดเผือดลงทันที ก่อนจะหมอบกราบลงกับพื้น “กระหม่อมมีความผิด”
“ท่านมีความผิดอันใดหรือ” พระสุรเสียงเยียบเย็นของฮ่องเต้ดังอยู่เหนือศีรษะของเขา
“กระหม่อม…” ซูมู่มีเหงื่อเย็นไหลรินจากหน้าผาก “กระหม่อมควบคุมดูแลไม่ดี จึงทำให้หนิงอ๋อง…”
“พอแล้ว!” ฮ่องเต้ตัดบทคำพูดของเขา “เรื่องนี้ยังไม่พูดถึงชั่วคราว เราขอถามเจ้า ควรลงโทษหนิงอ๋องอย่างไร”
ซูมู่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแล้วจึงกล่าวอย่างระมัดระวัง “วางแผนก่อกบฏต้องรับโทษหนัก ตามกฎ…”
เขายังพูดไม่จบ ฮ่องเต้ก็ยกพระหัตถ์ขึ้นยับยั้งเขา “ช้าก่อน”
ซูมู่ไม่กล้าพูดต่อไปแล้ว ฮ่องเต้หลุบพระเนตรคล้ายขบคิดอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงทอดถอนใจช้าๆ “จะอย่างไรเขาก็เป็นพี่น้องของเรา แม้จะบอกว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย เราก็ใจไม่แข็งพอจะเอาชีวิตของเขา…”
ซูมู่ฟังแล้วหัวใจเย็นเฉียบ คำพูดประโยคนี้ของฮ่องเต้เหนือชั้นอย่างแท้จริง ดูคล้ายมีเมตตากรุณา แต่ความจริงแล้วไม่เปิดโอกาสให้เขาได้วิงวอนขอร้องใดๆ เพียงคำพูดไม่กี่คำเรื่องนี้ก็ถูกกำหนดลงเป็นที่แน่นอนแล้ว ขุนนางสำคัญคนอื่นๆ ก็ฟังเข้าใจความหมายของฮ่องเต้แล้ว…ฮ่องเต้คิดจะจัดการหนิงอ๋องอย่างหมดจดในคราเดียว แต่ไม่อยากได้ชื่อเลวร้ายว่าทำร้ายพี่น้อง จึงจงใจแสดงให้รู้เป็นนัยเช่นนั้น หลายคนต่างหันมามองสบสายตากัน ในใจพอจะรู้แล้วว่าหลี่หยวนเพ่ยจะถูกลงโทษเช่นไร
ฮ่องเต้เห็นขุนนางหลายคนนอกจากซูมู่ต่างมีท่าทีเข้าใจ จึงโบกพระหัตถ์ให้พวกเขาล่าถอยออกไป ขุนนางทั้งหลายต่างทำความเคารพตามธรรมเนียม จากนั้นก็ล่าถอยออกจากตำหนักไปเงียบๆ ซูมู่อยู่ในตำหนักก็ฟังความหมายของฮ่องเต้ออกแล้ว เวลานี้เห็นขุนนางหลายคนต่างมีท่าทีรับทราบ ก็รู้ว่าพวกเขาต่างรู้แก่ใจกันดีอยู่แล้ว จุดจบของหลี่หยวนเพ่ยไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ในวังหลวงยังมีโคมไฟหลากสีในงานซั่งหยวนที่ยังไม่ได้ปลดออก หลังจุดมาทั้งคืนก็ดูริบหรี่มัวซัว พอลมหนาวพัดมาก็เกิดเสียงดังสวบสาบ ซูมู่เดินรั้งอยู่ด้านหลังขุนนางคนอื่น แหงนมองโคมไฟที่เหลืออยู่เหล่านั้นด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง เขากล่าวเตือนหลี่หยวนเพ่ยทั้งโดยตรงและบอกเป็นนัยหลายครั้งหลายหน ไม่ให้ทำอะไรหุนหันบุ่มบ่าม สุดท้ายหลี่หยวนเพ่ยก็ไม่ได้รับฟัง ถ้าหลี่หยวนเพ่ยสามารถช่วงชิงตำแหน่งฮ่องเต้คืนมาได้จริงก็แล้วไปเถิด เห็นได้ชัดเจนว่าความสามารถของหลี่หยวนเพ่ยห่างชั้นจากฮ่องเต้มาก ข้างกายก็มีแต่พวกเหลาะแหละหลงระเริง ไม่เพียงไม่อาจทำงานให้สำเร็จได้ ยังมอบโอกาสให้ฮ่องเต้กำจัดพวกเขาอย่างถึงรากถึงโคนอีกด้วย
ซูมู่เห็นอย่างกระจ่างแจ้ง ตอนฮ่องเต้เป็นรัชทายาทได้ทูลเสนอให้เขาเข้ามาอยู่ในเสนาสภาขุนนาง ก็แค่ต้องการให้อดีตฮ่องเต้สบายพระทัย…อย่างไรเสียหลานสาวของเขาก็แต่งให้หลี่หยวนเพ่ย วันหน้าเขาย่อมต้องปกป้องหลี่หยวนเพ่ย เรื่องนี้ฮ่องเต้ไม่ได้คาดการณ์ผิด ซูมู่มีความคิดเช่นนั้นจริง เขาจัดการให้บุตรชายทั้งสองไปอยู่ในกองทัพของชิวลี่สิงก็เพื่อจะเหลือหนทางถอยให้พวกเขา วันหน้าถ้ามีเรื่องอะไร บ้านสกุลซูก็ยังมีวันโงหัวขึ้นมาได้ ไม่ว่าอะไรเขาก็คิดไว้แล้ว เพียงคิดไม่ถึงว่าการจู่โจมของฮ่องเต้จะมาถึงเร็วเช่นนี้
ไม้นี้ของฮ่องเต้แม้จะเรียบง่าย แต่ก็ใช้ได้ผล ไม่เพียงควบรวมเอาหลี่หยวนเพ่ยเข้าไปด้วย ยังถือโอกาสกวาดล้างปัจจัยความไม่สงบในหมู่ราชนิกุลลงอย่างราบคาบ กระทั่งเสนาสภาขุนนางที่เกะกะตาเช่นเขาก็ถูกจัดการไปด้วยในคราเดียว
ซูมู่ถอนหายใจยาว วิธีการเช่นนี้อย่าว่าแต่หลี่หยวนเพ่ยคนเดียว ต่อให้หลี่หยวนเพ่ยแปดคนสิบคนรวมเข้าด้วยกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้