บทที่ 1
สายฝนที่ตกมาตลอดทั้งคืนได้หยุดลงในช่วงบ่าย ทิ้งหยาดพิรุณให้คงค้างไว้บนยอดไม้ ไม่คอยให้ดวงตะวันเผยโฉม เผยจื่ออวี๋ที่บนศีรษะเกล้าผมเป็นมวยสองข้าง ร่างกายผอมบางก็สวมชุดหญ้ากันฝน แบกกระบุงไม้ไผ่ หยิบมีดตัดฟืนที่เหน็บอยู่ข้างประตูเตรียมออกจากบ้าน เนื่องจากนางวางแผนจะรีบขึ้นเขาไปแย่งเก็บฟืนก่อนเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน เผื่อว่าจะชิงเก็บไม้ฟืนสักหลายๆ ท่อนกลับมาขายให้พอได้เงินแล้วจะได้เชิญท่านหมอมาช่วยจัดยาให้มารดาที่กำลังป่วยอยู่
เด็กหญิงเก็บไม้ยาวท่อนหนึ่งมาทำเป็นไม้เท้าเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองลื่นล้มบนทางลาดเนินเขาที่เฉอะแฉะ เมื่อไปถึงบนภูเขา นางก็เร่งเก็บไม้ฟืนหักๆ ที่ร่วงหล่นลงมาเนื่องจากพายุฝน
ทว่าเผยจื่ออวี๋เพิ่งจะเก็บไม้ฟืนไปแค่ไม่กี่ท่อน ผู้คนในหมู่บ้านเดียวกันกับนางอีกหลายครอบครัวก็แห่ขึ้นมาทำแบบเดียวกัน เพราะพวกเขาต่างต้องอาศัยขายไม้ฟืนเพื่อยังชีพทั้งสิ้น
พอเห็นคนกลุ่มใหญ่แย่งกันเก็บไม้ฟืนเช่นนี้ สีหน้าของเผยจื่ออวี๋ก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ เพราะต่อให้นางทุ่มกำลังสุดตัวเพื่อแย่งชิงอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะสู้คนที่แห่กันมายกบ้านแบบนั้นได้ เพียงชั่วกลอกตาเดียว ไม้ฟืนที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นแถวนี้ก็ถูกเก็บไปจนเรียบ ไม่เหลือสักอัน
เห็นพื้นโคลนที่ว่างเปล่าแล้ว เผยจื่ออวี๋สุดแสนที่จะอัดอั้นและปวดร้าวใจจนพูดอะไรไม่ออก หยดน้ำตาที่เกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจร่วงพรูออกมาจากนัยน์ตาสีดำขลับสุกใสดุจตามังกรของนางอย่างไม่อาจห้ามได้
หากทันทีที่คิดถึงมารดาที่ป่วยอยู่ที่บ้าน มารดาผู้เป็นคนในครอบครัวที่ดีต่อนางที่สุดในโลกนี้แล้ว เด็กหญิงต้องรีบสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ และม้วนแขนเสื้อขึ้นมาซับน้ำตาที่เอ่อค้างตรงขอบตาจนแห้งสนิท
“ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้ ข้าจะต้องเข้มแข็ง เรื่องแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก…” เผยจื่ออวี๋สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนร้องตะโกนเสียงดังลั่นฟ้า
นางสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เม้มริมฝีปาก ก่อนเอ่ยพึมพำกับตนเอง “ในเมื่อเก็บฟืนที่นี่ไม่ได้ ต่อให้ข้าวิ่งไปไกลอีกหน่อยก็ค่าเท่ากัน แต่อย่าคิดว่าข้าจะยอมแพ้ง่ายๆ นะ รอให้ข้าโตเสียก่อนเถอะ ข้าจะต้องทำให้ทุกคนที่รังแกท่านแม่ของข้าได้รู้จักคำว่าเสียใจกันดูบ้าง!”
เผยจื่ออวี๋ให้กำลังใจตนเองพลางเดินไปทางด้านหลังเขา สถานที่ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านต่างบอกว่าที่สถิตของเทพแห่งขุนเขา มนุษย์ธรรมดามิอาจย่างกรายเข้าไปได้ หาไม่แล้วเทพแห่งขุนเขาจะพิโรธอย่างมาก
เทพแห่งขุนเขาพิโรธ? ไปหลอกชาวบ้านที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเพราะไม่ได้เรียนหนังสือเสียเถอะไป! เพราะจิตวิญญาณของเผยจื่ออวี๋นั้นมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดซึ่งเป็นยุควิทยาศาสตร์รุ่งเรืองเฟื่องฟูสุดๆ แล้ว ย่อมไม่มีทางเชื่อเรื่องงมงายอะไรพวกนี้แน่นอน
เมื่อสามปีก่อนจื่ออวี๋เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสามที่เพิ่งทำแล็บที่มหาวิทยาลัยเสร็จ กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่เพิ่งจะกดปุ่มหน้าประตูลิฟต์ ก็ได้ยินเสียงระเบิดตูมดังลั่นอาคารใหญ่ทั้งหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้แต่ประตูลิฟต์ที่หนาหนักยังพลอยถูกระเบิดเสียหาย ทำให้ตัวหญิงสาวเสียชีวิตคาที่…ที่แท้ก็มีรุ่นน้องนักศึกษาที่รับผิดชอบเก็บกวาดห้องแล็บคนหนึ่งไม่ทันระวัง ทำน้ำยาเคมีหกและเกิดไปผสมเข้ากับวัตถุไวไฟจนกลายเป็นการระเบิดครั้งมโหฬาร
Nichapha
กันยายน 19, 2017 at 2:36 PM
อยากอ่านต่อเมื่อไหร่หนังสือจะออกวางขายค่ะ
Jamsai Editor
ตุลาคม 6, 2017 at 11:36 AM
สามารถซื้อได้ค่ะ ที่งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ, ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อออนไลน์ที่ JamShop ค่ะ