“วางใจได้ขอรับคุณหนู ปาเจี่ยวจะส่งขนมพวกนี้ให้ไปถึงเรือนของฮูหยินอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว” ปาเจี่ยวพูดพลางหยิบเอากล่องขนมในตัวรถออกมา
แต่ก่อนที่เผยจื่ออวี๋จะเข้าประตูบ้านไป สายตาก็เหลือบไปมองบ้านสกุลหวงที่ปิดประตูเงียบแวบหนึ่ง ก่อนย่างเท้าก้าวข้ามธรณีประตู ทว่ากลับได้ยินเสียงแจ่มใสคุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหูเสียก่อน
“แม่นางเผย”
เผยจื่ออวี๋ชะงักค้างไปทันทีที่ได้ยินเสียง และนึกด่าตนเองอยู่ในใจว่าไม่น่าช้าเลยจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่ต้องมาเจอกับอีกฝ่ายเข้า
นางกระตุกยิ้มอย่างฝืนๆ ก่อนหมุนตัวไปมองหวงฝู่จี้ที่เดินเข้ามาใกล้ “คุณชายหวง ไม่ได้เจอกันหลายวัน สบายดีหรือ”
“ท่านกลับมาพอดีเลย ข้ามีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่านสักหน่อย” มุมปากของหวงฝู่จี้แอบซ่อนรอยยิ้มขบขันเอาไว้
ชายหนุ่มรู้ดีว่าหลายวันมานี้เผยจื่ออวี๋จงใจให้เตาโต้วขับรถม้าตรงเข้าไปในตัวบ้านเสมอ สาเหตุก็เพราะมารดาของนางเพียรพูดถึงเรื่องนั้นกรอกหูนางอยู่ทุกวัน
ถึงแม้หญิงสาวจะไม่ได้คิดอะไร แต่การที่ถูกมารดาพูดใส่หูว่าเขาดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ซ้ำยังบังคับให้นางไปทักทายชายหนุ่มที่บ้านเพื่อเพาะบ่มความสัมพันธ์กันอีกทำให้เผยจื่ออวี๋รู้สึกเข้าหน้าอีกฝ่ายได้ไม่ติด
นางไม่อยากให้มารดาเข้าใจผิด และยิ่งไม่อยากถูกสาวๆ พวกนั้นรุมทึ้งด้วย ดังนั้นจึงพยายามรักษาระยะห่างจากชายหนุ่มเอาไว้
ทว่าการที่หวงฝู่จี้เดินเข้ามาหานางก็ทำให้สายตาคมกริบประดุจใบมีดหลายคู่พุ่งตรงมาที่หญิงสาว จนเผยจื่ออวี๋รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่าง
ทั้งที่พวกนางต่างเฝ้าคอยให้ชายหนุ่มออกมาพูดคุยด้วยวันแล้ววันเล่า แต่ก็ไม่เคยได้สมหวัง ดังนั้นทันทีที่เห็นหวงฝู่จี้คุยกับเผยจื่ออวี๋ ทุกคนจึงอดมองหญิงสาวด้วยสายตาเกลียดชังจนอยากจะเอามีดมาสับให้แหลกไม่ได้ ทำราวกับว่าเผยจื่ออวี๋ไปแย่งเอาคนของพวกนางมาอย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งสายตาของเคอโหย่วจินด้วยแล้ว นางทำเหมือนอยากจะจับร่างบางของเผยจื่ออวี๋มาฉีกเป็นชิ้นแล้วเอาไปเลี้ยงหมูเลยด้วยซ้ำ
เผยจื่ออวี๋จึงถลึงตาตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ก็เห็นอยู่ว่านางไม่ได้เป็นฝ่ายที่เข้าหาหวงฝู่จี้ก่อน ซ้ำถ้าจะมาคิดทบทวนกันให้ดี ตัวนางเองต่างหากที่รู้จักกับเขามาก่อนหน้าใครทุกคนเสียอีก
ท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นดุดันอย่างกะทันหันของหญิงสาวทำให้หวงฝู่จี้ชะงักค้างไปเล็กน้อย “แม่นางเผย ข้ารบกวนอะไรท่านอยู่หรือไม่”
“ไม่” เผยจื่ออวี๋ตอบสวนกลับทันที
“แต่ท่านดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่แพ้เกสรดอกไม้เท่านั้น” นางถูจมูกและมองไปทางหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของเขาที่เหมือนจะอาบน้ำหอมกันมาทั้งไห ขนาดนางยืนอยู่ห่างตั้งไกลยังแทบทนไม่ไหว แล้วคุณชายท่านนี้จะไม่รู้สึกได้อย่างไร มิใช่ว่าสำลักน้ำหอมตายไปแล้วหรอกหรือ
“เกสรดอกไม้?” หน้าดอกไม้บานในช่วงฤดูใบไม้ผลิผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือ แต่เมื่อหวงฝู่จี้มองตามสายตาของหญิงสาวไปแล้วถึงได้เข้าใจ เขาโคลงศีรษะพลางยิ้มน้อยๆ “เป็นข้าที่ทำให้แม่นางเผยต้องลำบาก”
“ไม่เกี่ยวกับท่านหรอก คุณชายหวงบอกว่ามีเรื่องคุยกับข้ามิใช่หรือ ถ้าหากมีธุระอะไรก็เข้าไปพูดกันในบ้านข้าก่อนเถอะ”
ทันทีที่หวงฝู่จี้ก้าวเข้าประตูบ้านสกุลเผยมา หวงซื่อก็ได้รับรายงานจากแม่นมอู๋ว่าคุณชายหนุ่มรูปงามที่อยู่บ้านติดกันมายืนพูดคุยกับลูกสาวของนางอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ทำเอาผู้เป็นมารดาถึงกับนั่งไม่ติด ต้องรีบวิ่งมาที่หน้ากระจกเพื่อลูบผมเผ้าให้เข้าที่จนแน่ใจว่าไม่มีเส้นไหนกระดิกออกมาแล้วจัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนให้แม่นมอู๋รีบประคองออกไปเพื่อคิดหาทางให้บุตรสาวเชิญคุณชายหวงเข้ามาดื่มน้ำชาคุยกันในบ้านให้ได้
“แม่นมอู๋ เจ้าว่าอวี๋เอ๋อร์จะไม่รู้ความจนทำเสียเรื่องไล่คนออกไปหรือไม่” หวงซื่อถามอย่างเป็นกังวล
แม่นมอู๋ไม่อาจสาดน้ำเย็นใส่ผู้เป็นนาย แต่ก็รู้นิสัยของคุณหนูดีว่านางอาจทำเรื่องเช่นนั้นได้ “ก็…เป็นไปได้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเราก็ช้าไม่ได้แล้ว รีบไปกันเถิด จะต้องหาทางให้คุณชายหวงรั้งอยู่ดื่มน้ำชาด้วยให้ได้ คนดีๆ อย่างคุณชายหวงนั้นหาง่ายเสียที่ไหน มือใครยาวสาวได้ก็ต้องสาวเอา สองวันมานี้ข้าเห็นยายเด็กโหย่วจินนั่นมาคอยเฝ้าอยู่ ไม่บอกก็รู้ว่ามีแผนอะไรอยู่ในใจ ข้าทนมองเห็นอวี๋เอ๋อร์ของเราต้องพลาดจากคนดีๆ แบบนี้ไปไม่ได้หรอก” หวงซื่อยิ่งพูดยิ่งสาวเท้าเร็วขึ้น
“ฮูหยิน ถึงท่านจะร้อนใจเรื่องการแต่งงานของคุณหนู แต่คุณหนูจะยอมทำตามใจท่านหรือเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิลูกสาวข้าได้ ผู้ใดใช้ให้นางมีมารดาอ่อนแอเช่นข้ากันเล่า ทำให้นางต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เล็กและคอยดูแลข้ามาจนตนเองโตเป็นสาว” หวงซื่อพูดพลางถอนหายใจ “ถ้าหากสามีข้าไม่ได้ไปออกรบไกลแสนไกล เรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นเช่นนี้ ป่านนี้พ่อของอวี๋เอ๋อร์คงจัดการเรื่องแต่งงานให้นางไปแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้นางอายุล่วงเลยมาเกือบสิบเจ็ดปีก็ยังไม่มีวี่แววที่จะได้แต่งงานเช่นนี้”
“แต่เวลานี้เราก็มีโอกาสแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ฮูหยินท่านก็อย่าได้เป็นกังวลไปเลย” แม่นมอู๋ปลอบใจ
“ใช่แล้ว เมื่อมีโอกาสมาเราก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ ห้ามปล่อยให้หลุดมือไปเป็นอันขาด”