บทที่ 6
เผยจื่ออวี๋เดินนำหวงฝู่จี้เข้าไปในตัวบ้านหลังน้อยที่มีไม้ดอกและไม้ยืนต้นปลูกเอาไว้มากมายอย่างเป็นระเบียบ มีทางเดินเล็กๆ โรยด้วยเม็ดกรวดทอดนำไปสู่เรือนใหญ่โตโอ่โถงแห่งหนึ่ง
หวงฝู่จี้ลอบชื่นชมทัศนียภาพของบ้านสกุลเผยแห่งนี้อย่างเงียบๆ เพราะถึงเรือนหลังนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ส่วนภายในตัวเรือนนั้นแม้จะไม่ได้วิจิตรงดงามอะไรนัก แต่ก็สวยสง่าเรียบง่าย มีรสนิยม บ่งบอกถึงความละเอียดใส่ใจ และมีภาพวาดทิวทัศน์แขวนประดับอยู่ทุกจุด
“คุณชายหวง เชิญทางนี้ ห้องโถงอยู่ด้านใน” เผยจื่ออวี๋ชี้ไปทางห้องโถงซึ่งอยู่ตรงหน้า
“บ้านของแม่นางเผยช่างจัดแต่งได้งดงามดีจริง ทุกมุมล้วนมีภาพทิวทัศน์ประดับอยู่ แม้จะไม่ได้ดูพิสดาร แต่ก็แตกต่างจากผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง เชื่อว่าท่านคงต้องสิ้นเปลืองความคิดไปไม่น้อยเลย”
ชายหนุ่มเหลือบไปมองก้อนหินประหลาดที่ซ้อนทับกันอยู่ที่สระน้ำก็รู้ว่ามันเป็นหินที่งมขึ้นมาจากใต้ทะเลสาบผลึกอำพัน ซึ่งศิลาเหมันต์ของทะเลสาบผลึกอำพันที่มีค่าควรเมืองเช่นนี้ มิใช่ของที่เศรษฐีผู้ใดจะซื้อหามาครอบครองได้
มิน่าเล่า สตรีที่อยู่เบื้องหน้าเขาถึงได้กล้าพูดกล้าเจรจา สามารถแจกเสบียงอาหารให้แก่ผู้ประสบภัยติดต่อกันถึงสองเดือน และช่วยเหลือเขาได้อย่างไม่หวั่นต่อค่ายาค่ารักษา ซ้ำยังบอกเขาอีกด้วยว่าไม่ต้องตอบแทนบุญคุณ ที่แท้นางก็มั่งคั่งถึงเพียงนี้ ถึงได้ไม่ต้องคอยมองสีหน้าของผู้ใด เขาไม่แปลกใจอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดลูกสาวของอนุภรรยาเช่นนางถึงได้กล้าบอกว่าจะแต่งสามีเข้าบ้าน
“ตอนนั้นมีท่านลุงที่เป็นช่างไม้คนหนึ่งเกิดล้มป่วย จำเป็นต้องใช้ตัวยาหายากที่ต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ พอข้ารู้ก็เลยส่งยาตัวนั้นให้เขาไป พอเขาหายดีก็ยืนกรานว่าจะตอบแทนข้าด้วยการซ่อมแซมและต่อเติมบ้านให้ ดูเหมือนท่านลุงคนนั้นจะเคยทำงานในอุทยานของวังหลวงมาก่อน และบอกว่าช่างไม้ในวังพวกนั้นเป็นแค่ลูกศิษย์รุ่นหลังของเขาเท่านั้น ตอนแรกข้าคิดว่าเขาแค่คุยโม้ไปอย่างนั้นก็เลยไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากนัก แต่พอได้เห็นเขาทำงานออกมาได้แบบนี้แล้ว ข้าก็ชักจะเชื่อเขาอยู่เหมือนกัน”
นางชี้นิ้วไปที่รอยสลักที่ดูไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่นัก “เขาบอกว่าฝีมืองานแกะสลักระดับปรมาจารย์เช่นนี้ ต่อให้มีเงินก็ไม่อาจหาซื้อได้ ท่านเชื่อหรือไม่”
“เชื่อ” ผลงานการแกะสลักพวกนั้นล้วนเป็นฝีมือระดับชั้นครูของวังหลวงทั้งสิ้น ตัวเขาที่เติบโตขึ้นมาในวังหลวงตั้งแต่อ้อนแต่ออกย่อมดูรู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด
ยิ่งเมื่อเหยียบเข้าไปในห้องโถงที่ดูประณีตโอ่อ่าแล้ว ลักษณะการตกแต่งภายในก็ยิ่งยืนยันความคิดของหวงฝู่จี้มากขึ้น โดยเฉพาะตอนที่เขาเห็นภาพลงรักสี่ฤดูสี่ภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงนั่น
ใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มอบอุ่นแขวนประดับอยู่ของเขามีอาการแข็งค้างไปเล็กน้อย หางคิ้วงามสง่าทั้งสองเลิกขึ้นนิดหนึ่ง ในใจชักเริ่มรู้สึกนับถือหญิงสาวขึ้นมา เมื่อเผยจื่ออวี๋ผู้นี้สามารถมีภาพที่เขาใช้นามพู่กันว่า ‘คุณชายจี้ซาน’ มาไว้ในครอบครองได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ…
เมื่อตระหนักถึงความร่ำรวยและน้ำใจอันมากล้นของหญิงสาวแล้ว หวงฝู่จี้ก็ได้แต่นึกทึ่งว่าดรุณีน้อยที่ยังไม่ได้ออกเรือนคนหนึ่งจะมีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“คุณชายหวง เชิญมานั่งที่นี่ก่อนเถิด ตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจ” นางเชิญให้ชายหนุ่มนั่งลง
สาวใช้ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีแล้วนำชาหลงจิ่ง* ที่เก็บมาก่อนฤดูฝนและเพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ กำลังอุ่นๆ ชุ่มคอเข้ามาให้ก่อนยอบเข่าถอยหลังออกไป เหลือไว้เพียงพวกเขาสองคนในห้องโถงใหญ่แห่งนั้น
เผยจื่ออวี๋นั่งลงในตำแหน่งเจ้าของบ้าน นางยกน้ำชาขึ้นมาจิบคำหนึ่งก่อนเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “วันนี้คุณชายหวงไม่ได้ขึ้นเขาไปหาดินมาทำงาน แสดงว่าต้องมีเรื่องด่วนเป็นแน่ เช่นนี้ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมกับข้า มีอะไรก็พูดมาเถิด”
ถึงนางจะพยายามหลบเลี่ยงเพื่อนบ้านใหม่คนนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้เรื่องของชายหนุ่มเอาเสียเลย เนื่องจากปาเจี่ยวและเตาโต้วที่เป็นคนสนิทของนางทั้งสองคนต่างข้ามกำแพงไปฝึกยุทธ์กับคนรับใช้ที่บ้านของหวงฝู่จี้อยู่ทุกวัน ทำให้มีข่าวสารเกี่ยวกับตัวเขามาเข้าหูนางอยู่ไม่น้อย
นางรู้ว่าช่วงนี้เขามีงานยุ่งมาก เพราะต้องไปขุดดินกลับมาปั้นกาน้ำอยู่บ่อยๆ แม้จะไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนไปเอาดินจากเขาลูกไหน ถึงได้ไม่เห็นเงาของเขาสักเท่าไร แต่ทุกครั้งที่กลับมานางก็จะเห็นชายหนุ่มมีดินโคลนเลอะเต็มตัวอยู่เสมอ
* หลงจิ่ง คือชาเขียวชนิดหนึ่งของจีน ปลูกมากในเมืองหังโจวและมณฑลเจ้อเจียง ใบชามีลักษณะแบน สีเขียว มีกลิ่นหอม รสชาติละมุน