บทที่ 8
ฝนตกหนักตลอดทั้งคืนจนฟ้าสว่างก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดตก เผยจื่ออวี๋ที่เดิมคิดจะไปสวนสมุนไพรเพื่อดูว่าสมุนไพรโตแค่ไหนจึงจำต้องล้มเลิกความคิดไป
“คุณหนูขอรับ วันนี้ท่านคิดจะออกไปไหนหรือขอรับ” เตาโต้วถามเผยจื่ออวี๋ที่มองดูสายฝนที่เทกระหน่ำไม่หยุดอยู่นอกตัวบ้าน
“เจ้าไปเตรียมรถม้าเอาไว้ ข้าจะไปคุยกับคุณชายหวงที่สถานศึกษา ดูซิว่าเขาจะยอมรับนักเรียนโข่งอย่างเจ้ากับปาเจี่ยวหรือไม่”
หญิงสาวทำท่าคิดเล็กน้อย แต่พอเห็นเตาโต้วที่มีสีหน้ากระตือรือร้นขึ้นมาแล้วก็พูดยิ้มๆ เสริมขึ้นมาอีกประโยคว่า “แล้วก็ดูด้วยว่ายังเก็บค่าเล่าเรียนเพิ่มได้อีกหรือไม่”
พอได้ยินว่าเผยจื่ออวี๋จะยอมฝ่าฝนไปเพื่อเรื่องของเขากับปาเจี่ยว เตาโต้วก็รู้สึกซาบซึ้งใจนัก รีบพยักหน้าแรงๆ อย่างดีใจ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลยขอรับ!”
เผยจื่ออวี๋ยิ้มขณะมองตามเตาโต้วกับปาเจี่ยวที่ดีอกดีใจจนแทบบ้าไป
สมัยเด็กๆ บริวารสองคนนี้ของนางเคยได้เรียนหนังสือจนถึงอายุสิบสองก่อนออกมาทำงานที่บ้านของนาง
เมื่อวานหลังจากที่พวกเขาตามนางไปที่สถานศึกษา จู่ๆ ก็บอกว่าอยากจะกลับไปเรียนเพิ่มเติมอีก จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้น และอ่านหนังสือได้มากขึ้นด้วย การเรียนเป็นสิ่งที่ดี ด้วยเหตุนี้เผยจื่ออวี๋จึงอนุญาต
ให้พวกเขาสองคนมีความรู้มากเข้าไว้ ต่อไปจะได้ช่วยงานนางได้มากขึ้น และช่วยนางดูแลสวนสมุนไพรได้มากขึ้นด้วย เช่นนี้เผยจื่ออวี๋ย่อมยินดีอยู่แล้ว
เพราะสายฝนที่เทกระหน่ำทำให้มาถึงสถานศึกษาตอนที่ทุกคนเข้าเรียนกันไปหมดแล้ว วันนี้มีคนมาไม่มากนัก โดยเฉพาะพวกที่แอบอ้างตนเองว่าอยากเรียนหนังสืออย่างพวกหญิงสาวที่หวังมาตกเขยเต่าทองคำ* พวกนั้น ก็ไม่มีเงามาให้เห็นอีก
กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ** ของหวงฝู่จี้ให้ผลลัพธ์ดีเกินคาด สามารถทำให้พวกหญิงสาวตื่นหนีไปได้ในครั้งเดียว ทว่าก็ยังมีคนที่ยังไม่ยอมแพ้อยู่ ตัวอย่างเช่นเคอโหย่วจิน
เห็นกระดาษที่ใช้คัดตัวหนังสือเต็มแน่นเป็นปึกแล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ ว่านางจะคัดออกมาได้ถึงสามสิบชุด ช่างน่าเลื่อมใสโดยแท้
“เคอโหย่วจิน ดูไม่ออกเลยนะว่าเจ้าจะคัดมาได้ถึงสามสิบชุดจริงๆ”
“ทำไม เจ้าสงสัยข้าหรือ” เคอโหย่วจินกวาดตามองคู่กรณีด้วยสายตาไม่ยี่หระแวบหนึ่ง “เจ้าคงไม่ได้คิดจะฝ่าฝนมาเก็บค่าเล่าเรียนอีกใช่หรือไม่ ก็ข้าจ่ายเหมาไปทั้งเดือนแล้วนี่นา”
“ข้าต้องเก็บค่าเล่าเรียนอยู่แล้ว แต่ที่ข้ามาวันนี้ไม่ใช่เพราะจะมาเก็บค่าเล่าเรียนหรอก”
“เช่นนั้นเจ้ามาทำอะไร” เคอโหย่วจินมองจ้องอีกฝ่ายอย่างระแวงว่าเผยจื่ออวี๋จะเข้ามานั่งเรียนด้วยอีกคนหนึ่ง
“แล้วมันเรื่องอะไรของเจ้าเล่า” เผยจื่ออวี๋มองเคอโหย่วจินที่มีท่าทีพร้อมรบด้วยสายตาขบขัน
แต่เคอโหย่วจินก็ยังคงจ้องมองเผยจื่ออวี๋ด้วยสายตาระแวดระวังตัว ด้วยเกรงว่าถ้าหากอีกฝ่ายมานั่งเรียนด้วยวันนี้จะแย่งชิงเอาความโดดเด่นของนางไปจนหมด
หากเผยจื่ออวี๋ก็เพียงแค่เลิกคิ้วอย่างไม่คิดจะตอบคำถามของเคอโหย่วจินเลยสักนิด วันนี้นางพาปาเจี่ยวกับเตาโต้วมากราบอาจารย์ แต่ก่อนหน้าที่หวงฝู่จี้จะยอมรับทั้งสองคนเป็นศิษย์ นางก็ยังไม่อาจพูดอะไรได้ ไม่เช่นนั้นถ้าหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คาดแล้ว พวกนางอาจถูกเคอโหย่วจินที่ชอบมองคนอื่นอย่างดูถูกเยาะหยันเอาได้
ไม่นานร่างสูงเพรียวสง่าในชุดเสื้อยาวสีฟ้านวลของหวงฝู่จี้ก็เดินเข้ามาในห้องเรียน
ทันทีที่เคอโหย่วจินเห็นชายในดวงใจ นางก็รีบถลันเข้าไปหาเป็นคนแรกพร้อมส่งการบ้านทั้งปึกไปให้เขาด้วยหวังว่าจะได้รับคำชมจากชายหนุ่ม
“คุณชายหวง นี่เป็นงานที่ข้าจุดตะเกียงทำทั้งคืนเชียวนะ ท่านดูสืว่ามีข้อผิดพลาดอะไรหรือไม่” สีหน้าของเคอโหย่วจินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สายตามองจ้องไปที่หวงฝู่จี้ด้วยแววตาระยิบระยับเป็นความหมายว่า ‘รีบชมข้าสิ รีบชมข้า บอกว่าข้าเก่งกาจขนาดไหน’
นัยน์ตากระจ่างใสฉายแววเยียบเย็นของหวงฝู่จี้กวาดมองการบ้านที่พลิกเปิดอยู่ในมือของเคอโหย่วจินอย่างเงียบๆ แวบหนึ่งก่อนเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “กลับไปคัดมาใหม่ห้าสิบรอบ และเพราะเจ้าใช้ให้คนอื่นคัดแทน ดังนั้นจึงลงโทษให้คัดใหม่อีกหนึ่งร้อยรอบ”
ใบหน้าอวบอูมของเคอโหย่วจินราวกับปรากฏรอยปริแตกขึ้นมาในพริบตา ทว่านางยังไม่วายแก้ต่างให้ตนเอง “คุณชายหวง นี่ข้าเขียนเองจริงๆ นะ…”
* เขยเต่าทองคำ หมายถึงบุรุษที่เป็นคู่ครองที่ดี
** ถอนฟืนใต้กระทะ หนึ่งในสามสิบหกกลยุทธ์ตำราพิชัยสงครามซุนวู (ซุนอู่) หมายถึงการตัดกำลังคู่ต่อสู้โดยไม่ปะทะโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียของฝ่ายตนซึ่งมีกำลังน้อยกว่า