คำพูดของเขาทำให้ชายสามคนที่ทำท่าหมดอาลัยตายอยากกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย แม้แววหดหู่ยังคงมีอยู่ในดวงตาของพวกเขา แต่ย่อมดีกว่าไร้ความหวังอย่างสิ้นเชิง
บ้านในหมู่บ้านเหล่านั้นยังคงเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่ได้ไปเคาะประตูทีละบ้านและลากตัวคนเหล่านั้นออกมา เพราะตระหนักดีว่าการใช้กำลังบีบบังคับเป็นวิธีที่แย่ที่สุด
เขาจึงเดินนำผู้ชายสามคนไปจัดการกับทุ่งนาที่เปียกแฉะและซ่อมแซมรั้ว
เขาลงไปช่วยในทุ่งนาด้วยตัวเอง สวมสายคล้องให้กับม้าที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวในปราสาท ตอนแรกมันไม่คุ้นกับอุปกรณ์แบบนี้เท่าไร มันเป็นม้าศึก ไม่ใช่สัตว์ที่ใช้ทำนา แต่ภายใต้การปลอบประโลมของเขา ในที่สุดมันก็ลากเครื่องมือไถนาเดินไปข้างหน้า
หลังหิมะละลาย ทุ่งนาเต็มไปด้วยน้ำ โคลนเปื้อนเต็มตัวเขาไปหมด เช่นเดียวกับม้าของเขา เขาไม่เชี่ยวชาญการทำนาเลย
หลังการใช้แรงงานมาตลอดทั้งวัน เขามักจะเหนื่อยจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ปวดเอวเมื่อยหลังไปหมด แต่วันแรกและวันที่สองผ่านไป วันที่สามและวันที่สี่ผ่านไป พอถึงวันที่ห้าก็มีผู้ชายมาช่วยเพิ่มอีกห้าคน
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาหวาดเกรงอำนาจของลอร์ด หรือแค่คิดง่ายๆ ว่าอยากได้อาหารสักมื้อเพื่อเอาชีวิตรอดต่อไป
ไม่ว่าอย่างไร ในที่สุดทุ่งนาไม่กี่ผืนนั้นก็พลิกดินเสร็จ
แม้จะมีม้าคอยช่วย แต่พื้นที่ส่วนที่เขาเป็นคนพลิกดินนั้นเละเทะมาก เนินดินบิดเบี้ยวดูเหมือนงูตัวใหญ่ ไม่เหมือนทาสติดที่ดินที่ทำงานเงียบๆ เหล่านั้น พวกเขาจัดการทุ่งนาได้อย่างเป็นระเบียบ แต่ไม่มีใครแสดงความเห็นต่อผลงานอันย่ำแย่ของเขาสักคน
สามวันก่อนเขาเริ่มให้คนหว่านเมล็ดพันธุ์ งานนี้สบายหน่อย ขอเพียงในปราสาทมีคนว่างก็จะถูกเรียกไปช่วยงานในนา แต่การหว่านเมล็ดก็ต้องอาศัยทักษะพิเศษเหมือนกัน เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาขนาดนี้มาก่อนเลย
โชคดีที่เขาเป็นลอร์ด เป็นชนชั้นสูง ไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะมีความสามารถในการทำนา
สุดท้ายเขาก็จัดการเรื่องนี้เสร็จ
มองเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านลงบนดินที่เปียกชุ่ม จากนั้นย้อนกลับไปมองผลการทำงานตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาสูดหายใจลึกๆ ภายใต้แสงอาทิตย์ยามสนธยา
ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าเหตุการณ์จะราบรื่นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
วันนั้นตอนเขาพาเด็กเหล่านั้นกลับไปที่ปราสาท แต่ละคนเหน็ดเหนื่อยจนนอนหงายท้อง หลุยส์แทบจะลุกไม่ขึ้น แอนเดอร์สันเหนื่อยจนนอนแผ่อยู่กับพื้น เขาต้องจูงม้าเข้าไปในคอกด้วยตัวเองและถอดสายคล้องให้มัน ทำความสะอาดกีบเท้า ใช้แปรงขัดคราบโคลนบนตัว จากนั้นค่อยขนหญ้าแห้งมาให้มันกิน
ตอนฟ้าใกล้มืดเขาเหนื่อยจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เวลานี้เองเขาได้ยินเสียงกะละมังไม้หล่นลงบนพื้นจึงเงยหน้าพรวด เห็นทุกคนในลานมองไปข้างหน้าอย่างตะลึงงัน