เคลถอยไปก้าวหนึ่งอย่างอดไม่ได้ แต่ครั้งนี้นางสังเกตเห็นว่าความปรารถนาตรงหว่างขาเขาไม่ได้ผงาดตั้งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
เขาก้าวออกจากถังอาบน้ำและก้มหน้ามองนาง
“เจ้าพอใจหรือยัง”
หากนางตอบว่าไม่ เขาคงจะคลุ้มคลั่ง ดังนั้นนางจึงพยักหน้า
เขาเดินผ่านข้างกายนางไปและหยิบผ้าแห้งบนโต๊ะขึ้นมาเช็ดตัว
เคลผ่อนลมหายใจและเริ่มเก็บข้าวของ คิดไม่ถึงว่ากลับได้ยินเสียงเขาประกาศขึ้นข้างหลัง
“นับแต่วันนี้ไปเจ้านอนที่นี่”
หญิงสาวตกตะลึง หันขวับกลับไปมองชายหนุ่มทันที
เขาหันหลังให้นาง เรือนร่างกำยำเปล่าเปลือยขณะยกมือขึ้นเช็ดเรือนผมสีดำที่เปียกชื้น
นางเอ่ยอย่างตื่นตระหนก
“ข้านอนที่นี่ไม่ได้ ข้ามีคนป่วยต้องดูแล”
“ลิซ่ากับโซเฟียสามารถทำแทนเจ้าได้”
“คนพวกนั้นต้องทาน้ำมันและเคาะปอดระบายเสมหะเป็นเวลา…”
“เรื่องพวกนี้พวกนางสองคนผลัดกันทำได้ สิ่งที่คนป่วยพวกนั้นต้องการคือการที่เจ้าได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่” เขาหันกลับมาและเดินเข้ามาหานาง ทำให้นางจำต้องถอยไปข้างหลัง “หากเจ้าล้มป่วย ความหวาดกลัวจะยิ่งแพร่ไปในปราสาท ให้ตายเถอะ ที่นี่นอกจากเจ้าแล้วไม่มีใครรู้ว่าควรป้องกันโรคระบาดอย่างไร นี่คือห้องของข้า ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาลากตัวเจ้าไปที่ลานเพลิงแน่ เจ้าสามารถหลับพักผ่อนได้อย่างสบายใจ”
ที่นางกังวลไม่ใช่คนอื่น
“ข้านอนที่นี่ไม่ได้” เคลบิดมืออย่างประหม่า เงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าลนลานและบอกว่า “ผู้คนจะคิดว่าข้าเป็นคู่นอนของท่าน”
“เช่นนั้นพวกเขายิ่งไม่กล้ามาหาเรื่องเจ้า”
นางมองชายหนุ่มที่ยังคงเช็ดผมด้วยใบหน้าซีดขาว นานทีเดียวจึงพูดออกมาอย่างอ่อนแรง
“นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้…ท่านทำอย่างนั้นไม่ได้…พวกเราจะนอนด้วยกันไม่ได้…” วิธีพูดของนางทำให้เขาเข้าใจประเด็นที่นางกังวลในที่สุด จึงเหลือกตาใส่นางอย่างอดไม่ได้
“สวรรค์ เจ้ารู้ไว้เถอะว่าสิ่งที่ข้าไม่อยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือการสร้างปากที่กินข้าวได้เพิ่มขึ้นมาอีก” เขามองนางอย่างเหลืออด “ข้าไม่แตะต้องเจ้าหรอก ข้าไม่มีแรงจะทำเรื่องอย่างนั้นและไม่มีเวลาด้วย หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะรีบกอบโกยเวลานอนซะ พรุ่งนี้พวกเราต้องไปขนอาหารในห้องใต้ดินของเจ้ากลับมา ระหว่างทางไม่มีเวลาพัก ทางที่ดีถึงเวลานั้นเจ้าควรมีพละกำลังที่เพียงพอ”
เขาพูดพลางใช้ผ้าผืนนั้นพันรอบเอว ก่อนจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ ไขว่ห้างและยกชามโจ๊กข้าวโอ๊ตขึ้นมากิน
เคลหน้าซีด รู้ดีว่าเขาตัดสินใจไปแล้ว แต่ยังคงพยายามเป็นครั้งสุดท้าย