จักรพรรดิหยิบพัดใกล้มือเล่มหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา ปาใส่ศีรษะของคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างแรง
“ภาพวาดสาวงามฝีมือจิตรกรเอกอู๋เต้าจื่อจริงหรือนี่! วิเศษ! วิเศษเหลือเกิน!” ซย่าอวี้จิ่นคลี่พัดออก มองดูแวบหนึ่งแล้วรีบเก็บขึ้นโดยไวด้วยความยินดีจนออกนอกหน้า “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”
จักรพรรดิเห็นท่าทางไร้ยางอายของเขาก็โกรธจนอยากถกแขนเสื้อขึ้นชกคนกับมือ
มีหลายครั้งที่พระองค์จวนเจียนลงมือสั่งสอนหลานชายอย่างรุนแรง แต่แล้วพระองค์ก็จะนึกถึงอดีตอันอ๋อง น้องชายร่วมสายเลือดของตนซึ่งผูกพันรักใคร่กันมาก อีกทั้งสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ในการช่วยพระองค์ขึ้นครองราชย์ แต่กลับล้มป่วยเพราะความเหน็ดเหนื่อยตรากตรำและจากไปตั้งแต่ยังหนุ่ม เหลือบุตรชายไว้สองคน คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งอมโรค ล้วนเป็นคนที่ไม่อาจเอาดีได้
ยังดีที่ซย่าอวี้เชวี่ยเป็นคนซื่อตรงเคร่งครัดธรรมเนียม ขณะที่ซย่าอวี้จิ่นแม้จะสุขภาพอ่อนแอมาแต่เกิด แต่มีรูปโฉมและวาจาหวานหูเป็นที่ชมชอบของคนรอบข้าง ทั้งยังมีเงาของอดีตอันอ๋องอยู่หลายส่วน ดังนั้นคนทั้งวังหลวงล้วนรู้ว่านอกจากรัชทายาทแล้ว หลานที่พระพันปีรักเอ็นดูที่สุดก็คือเขา
เหนืออื่นใด ถึงซย่าอวี้จิ่นจะมีกิตติศัพท์เป็นพญามาร ทว่าเมื่อสืบสาวราวเรื่องอย่างจริงจังก็ไม่พบความผิดมหันต์อะไร มีก็แต่เรื่องบัดซบไร้สาระมากมายเหลือคณานับดังมาเข้าหูพระองค์อยู่เนืองๆ ยามปกติก็เอาแต่มั่วสุมกับสหายอันธพาลเกเร ก่อความวุ่นวาย สร้างความเสื่อมเสียให้กับเชื้อพระวงศ์นับครั้งไม่ถ้วน ทิ้งปัญหาน่าปวดศีรษะให้ตามสะสางอย่างไรก็ไม่จบไม่สิ้น
สองปีก่อนจักรพรรดิเคยใจแข็งขึ้นมาคราหนึ่ง ลากตัวซย่าอวี้จิ่นไปโบยยี่สิบไม้เป็นการสั่งสอน แม้จะกำชับขันทีให้ลงมือเบาๆ แต่โบยยังไม่ถึงสองไม้เขาก็สิ้นสติไป หลังจากนั้นพระพันปียันไม้เท้า เดินร่ำไห้น้ำมูกน้ำตานองหน้าปรี่เข้าไปกอดซย่าอวี้จิ่น พร่ำรำพันแต่ชื่อบิดาอายุสั้นของเขา เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเสียจนสุดท้ายจักรพรรดิต้องไปตำหนักเมตตาผาสุกขอขมาพระมารดาด้วยพระองค์เองและสาบานต่อฟ้าว่าจะไม่ทุบตีเจ้าแมวป่วยนั่นอีกต่อไป
จากเหตุการณ์นี้จักรพรรดิทรงรู้แจ้งเห็นจริงแล้วว่า@@@ซย่าอวี้จิ่นคือก้อนเมฆสีขาวที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า ขอเพียงคิดเสียว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน พระองค์ก็จะไม่หงุดหงิดใจ
นับแต่นั้นมาฎีกาที่เกี่ยวข้องกับซย่าอวี้จิ่นทั้งหมด พระองค์ล้วนกวาดตามองผ่านๆ จนแน่ใจว่ามิใช่เรื่องร้ายแรงเป็นที่โกรธแค้นของทั้งคนทั้งเทวดาก็จะยับยั้งไว้ไม่ไปสนใจ ส่วนเรื่องการปูนบำเหน็จเลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ทุกอย่างในช่วงวันเทศกาลมงคล พระองค์ก็จะมองข้ามซย่าอวี้จิ่นไปทั้งหมดเช่นกัน กระทั่งซย่าอวี้จิ่นไปก่อเรื่องข้างนอก ถูกคนชกหลายหมัด พระองค์ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้
จนแม่ทัพใหญ่กรีธาทัพกลับมาพร้อมชัยชนะ พระพันปีเอ่ยขึ้นว่าจะให้เยี่ยเจาแต่งงานกับซย่าอวี้จิ่น จักรพรรดิถึงได้นึกถึงเขาขึ้นมาได้และคล้อยตามความประสงค์ของพระพันปีอย่างสาสมใจในคราวเคราะห์ของเขา วาดหวังว่าแม่ทัพเยี่ยผู้ดุร้ายจะช่วยพระองค์เล่นงานหลานชายเหลือขอคนนี้ให้หนักๆ
ซย่าอวี้จิ่นยังคงไม่รู้ตัว เอ่ยอย่างร่าเริง
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอตัวไปถวายพระพรพระพันปีนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ช้าก่อน” วันนี้จักรพรรดิอารมณ์ดีอย่างยิ่ง มองเห็นตัวไร้ค่าก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาขึ้นมาได้ พระองค์เรียกหลานชายไว้ ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่แล้วเผยรอยยิ้มเมตตาออกมา “อวี้จิ่น เจ้าก็ได้รับแต่งตั้งเป็นหนานผิงจวิ้นอ๋องมาหลายเดือนแล้ว แต่จะเล่นสนุกต่อไปเช่นนี้ตลอดชีวิตก็คงมิใช่หนทางที่ดี มิสู้ให้เจ้าเป็นขุนนางสักตำแหน่ง ถือเสียว่าเป็นการทุ่มเทแรงกายเพื่อแผ่นดินต้าฉินบ้าง”