จักรพรรดิมองพัดที่เขาเก็บเข้าไปในอกเสื้อแวบหนึ่ง กล่าวปลอบอย่างใจเย็น
“ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องขี้ผงเท่านี้ ถึงอย่างไรเจ้ายังมีภรรยาหนุนหลังอยู่”
ต่อให้ถูกคุกคามขู่เข็ญด้วยอำนาจ ซย่าอวี้จิ่นก็หาใช่ผู้ที่จะยอมรับชะตากรรมโดยง่าย
จนปัญญาที่เขาเตร็ดเตร่อยู่ที่แม่น้ำฉินมาตลอดราตรี ครั้นออกไปซื้อเนื้อแพะแต่เช้าก็ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับการบังคับพนันอีก ไม่ง่ายเลยกว่าจะจบเรื่อง เขาก็ตรงดิ่งเอาเงินมาส่งให้ที่วังหลวงโดยไม่หยุดพัก ระหว่างนั้นยังตกน้ำจนถูกความเย็น ร่างกายไม่ค่อยสบายแต่แรกแล้ว กอปรกับได้รับหนังสือหย่าของเยี่ยเจาและหนังสือแต่งตั้งของจักรพรรดิ บันดาลให้อารมณ์ตื่นเต้นพลุ่งพล่าน ประเดี๋ยวยินดี ประเดี๋ยวตกใจ สุดท้ายร่างกายก็ทนไม่ไหว ยังมิทันได้อ้าปากพูดกับจักรพรรดิอย่างดื้อรั้นเกเร เขาก็ตาลายเห็นดาวระยิบระยับ ล้มลงกับพื้นโดยไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องสักแอะ
ยามที่ฟื้นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องเล็กด้านข้างห้องทรงพระอักษร มีหนังสือแต่งตั้งวางอยู่ข้างๆ ประทับตราขนาดใหญ่สีแดงโร่ ส่วนจักรพรรดิกำลังจับตาดูแพทย์หลวงตรวจอาการให้เขาและถือยาชามหนึ่งที่รสขมยิ่งกว่าหวงเหลียนมาให้เองกับมือ เพื่อแสดงความรักใคร่อาทรระหว่างลุงกับหลาน พร้อมทั้งพูดปลอบอย่างสนิทสนม
“แค่ตรากตรำเกินไปเท่านั้น พักสองวันก็ไม่เป็นไรแล้ว เรานำเรื่องที่เจ้าได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการนครหลวงบอกกล่าวให้พระพันปีทราบแล้ว ยังตรัสว่าหลังจากเจ้าแต่งงานก็ยอมคิดถึงความก้าวหน้าในที่สุด ทรงปลาบปลื้มยินดีจนสวดมนต์เป็นการใหญ่”
ครั้นทางหนีทีไล่ถูกตัดขาด ซย่าอวี้จิ่นก็ดิ้นรนเป็นเฮือกสุดท้าย
“กระหม่อมเป็นถึงหนานผิงจวิ้นอ๋องมีเกียรติสูงส่ง รับตำแหน่งเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยขั้นหก ซ้ำยังต้องสวมเสื้อคลุมสีเขียว พอยืนอยู่ท่ามกลางญาติผู้พี่ผู้น้องที่สวมชุดแดงชุดม่วงจะน่าขายหน้าเพียงไหนกัน@@@”
“เจ้ายังมียางอายอยู่อีกหรือ” จักรพรรดิรำพึงขึ้นด้วยสุ้มเสียงที่ดังพอจะได้ยินกันทุกคน จากนั้นก็เอ่ยยิ้มๆ อย่างมีเมตตาอีกครั้ง “งานไม่มีต่ำต้อยสูงส่ง ท้ายที่สุดก็ต้องเป็นคนที่ลงมือกระทำ ทำได้ดีค่อยเลื่อนขั้นวันหลัง ส่วนเรื่องเสื้อคลุมสีเขียวที่ไม่ค่อยจะสวยงามนั้น เจ้าเยาว์วัยรูปงาม กำลังหนุ่มแน่นเปี่ยมเสน่ห์ ไม่มีอะไรเสียหายนัก อย่างมากเราจะออกพระราชโองการอีกฉบับ อนุญาตให้ช่างปักปักลายดอกไม้สองสามดอกเพิ่มบนชุดขุนนางของเจ้า ขลิบริมสองด้านเป็นสีทอง ติดเพชรพลอยไข่มุกสักสองเม็ด ตกแต่งให้หรูหราขึ้นเป็นพิเศษเพื่อบ่งบอกถึงศักดิ์ฐานะที่แตกต่างกัน”
ซย่าอวี้จิ่นมองดูใบหน้าที่เจ้าเล่ห์แสนกลยิ่งกว่าเพียงพอนเหลือง* นั่นแล้ว นึกสงสัยสุดใจว่าภาพเหมือนของปฐมกษัตริย์ผู้สถาปนาแคว้นต้าฉินในศาลบรรพกษัตริย์ซึ่งมีใบหน้าทรงคุณธรรมน่าเกรงขามเป็นเรื่องเท็จกระมัง ต้องเป็นคนพาลสักแค่ไหนกันแน่ถึงได้มีลูกหลานเป็นคนพาลมากมายปานนี้
ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยลงทางทิศประจิมตั้งนานแล้ว ซย่าอวี้จิ่นถูกเพียงพอนเหลืองอบรมสั่งสอนจบก็โซซัดโซเซปีนขึ้นเกี้ยวหลังงาม ถือพระราชโองการกลับวังไปด้วยความเศร้าสร้อย
เพิ่งย่างเท้าผ่านประตูเรือนวาโยซึ่งเป็นที่พำนักของตน เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะครึกครื้นดังแว่วออกมาเป็นระลอก มีพวกสาวใช้กำลังเอาตัวแนบกำแพงบังตา เขย่งเท้าชะโงกหน้ามองเข้าไปข้างใน ซ้ำยังแอบส่งเสียงอุทานชอบใจด้วย
ซย่าอวี้จิ่นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้างก็เดินเข้าไปชะเง้อชะแง้ด้วย กลับเห็นเยี่ยเจากำลังซ้อมเพลงกระบี่อยู่ข้างต้นท้อที่เพิ่งผลิดอกตูม
* เพียงพอนเหลือง หรือ Yellow Weasel สัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก รูปร่างเพรียว ขาสั้น หางสีน้ำตาลเหลือง ขนหลังสีน้ำตาลเทา ออกหากินเวลากลางคืน ชาวจีนสมัยโบราณจัดให้เป็นสัตว์ที่ชอบลักขโมยของกินตามบ้านเรือน