เฉียวเจาวางถ้วยน้ำชาลงแล้วลุกขึ้นยืน “คุณหนูเจียง ท่านเรียกข้ามาที่นี่ หากแค่เพื่อแสดงทักษะฟาดแส้ล่ะก็ ข้ายอมรับในฝีมือท่านแล้ว เช่นนั้นขออำลาก่อน”
“หยุดนะ!” ดวงตาเรียวงามดุจเมล็ดซิ่งของเจียงซือหร่านเบิกกว้างด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าคิดจะเอาอย่างไรกันแน่”
เฉียวเจาเปล่งเสียงหัวร่ออย่างกลั้นไม่อยู่ “คุณหนูเจียง มิใช่ข้าคิดจะเอาอย่างไร เป็นท่านต่างหากที่จะเอาอย่างไร”
“ข้าอยากซื้อยาลบรอยแผลของหมอเทวดาหลี่ เจ้าถือดีอะไรไม่ขาย”
เฉียวเจากล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง “เพราะนั่นคือสิ่งที่ท่านปู่หลี่มอบให้ข้า เงินพันชั่งก็แลกไม่ได้”
“แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะมอบให้ข้า…”
“นั่นเป็นคนละเรื่องกัน”
เจียงซือหร่านกำแส้ในมือ สีหน้าของนางฉายอารมณ์ปรวนแปร นานครู่หนึ่งถึงแค่นเสียงกล่าวขึ้น “ตกลง ถือว่าข้าติดค้างน้ำใจเจ้าคราหนึ่ง! แต่ถ้ายานี้ใช้ไม่ได้…”
เฉียวเจาลอบถอนใจ ไม่ผิดคาดเลย นางมอบให้เปล่าๆ ยังเป็นเช่นนี้ ถ้ารับเงินจริงๆ แล้วเกิดยานี้ใช้ไม่ได้ผล ด้วยนิสัยใจคอของคุณหนูเจียงคงคิดจะไปพังเรือนสกุลหลีกระมัง
“คุณหนูเจียง ท่านน่าจะรู้ว่าต้องใช้ยาให้ถูกโรค ถึงเป็นยาลบรอยแผลของท่านปู่หลี่ก็มิใช่ยาสารพัดนึก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแผลได้อย่างไร บาดแผลลึกตื้นเพียงใด”
“เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ต้องถาม”
เจินเจินพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าบอกเรื่องที่ตนเสียโฉมกับผู้อื่น นางย่อมต้องรักษาคำพูดแน่นอน
“เอาเถอะ ข้ากลับถึงจวนแล้วจะให้คนนำยาลบรอยแผลมามอบให้คุณหนูเจียง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกติดค้างน้ำใจข้า ไม่ว่ายาจะใช้ได้ผลหรือไม่ก็อย่ามาหาข้าอีกได้หรือไม่”
“ฮึ เจ้านึกว่าข้าอยากไปหาเจ้านักรึ” เจียงซือหร่านเอาแส้พันรอบเอวไว้ดังเก่า นางเอ่ยสั่งสาวใช้ “ส่งแขก!”
เฉียวเจาคลี่ยิ้มหมุนกายออกเดินไป
“คุณหนูหลีโปรดหยุดก่อน” สุ้มเสียงเฉยเมยของบุรุษดังลอยมา
“พี่สืออี ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ”
เฉียวเจาเหลียวหน้าไป เห็นเจียงสืออีในชุดสีดำปลอดทั้งตัวสาวเท้ามาหา
คงเพราะเป็นคนเย็นชามาแต่เกิด ถึงเป็นไข่มุกในอุ้งมือบิดาบุญธรรม เขาก็แค่ผงกศีรษะให้เจียงซือหร่านเล็กน้อยก่อนเอ่ยกับเฉียวเจา “คุณหนูหลี ท่านผู้บัญชาการใหญ่เชิญท่านไปพบ”
“โปรดนำทางเถอะ”
เห็นเฉียวเจาจะไปพบเจียงถัง เจียงซือหร่านไม่ยอมแล้ว นางไล่ตามไปซักไซ้ “พี่สืออี ท่านพ่อจะพบนางด้วยเหตุใดเจ้าคะ”
“ไม่รู้”
“เช่นนั้นข้าไปด้วย”
“ไม่ได้”
เจียงซือหร่านกระทืบเท้าอย่างหัวเสีย นางมองตามแผ่นหลังที่เหยียดตรงของเจียงสืออีตาเขม็งแล้วทำตาปะหลับปะเหลือก
ไฉนใต้หล้านี้ถึงมีบุรุษเย็นชาน่าเบื่อเฉกพี่สืออีได้นะ สมควรแล้วที่ไร้คู่ไปชั่วชีวิต!
เจียงสืออีหยุดยืนตรงหน้าประตูห้องหนังสือ เสียงพูดของเขาราบเรียบไร้อารมณ์ “ท่านผู้บัญชาการใหญ่อยู่ข้างใน เชิญคุณหนูหลีเข้าไปเถอะ”
เฉียวเจาพยักหน้าแล้วย่างเท้าเข้าไป
พอเห็นนางเข้ามา เจียงถังชี้ถ้วยบนถาดน้ำชาด้วยรอยยิ้มระบายเต็มหน้า “คุณหนูหลี ชิมรสชาหนนี้ดูว่าเป็นเช่นไร”
เฉียวเจาย่อเข่าแสดงคำนับ กล่าวยิ้มๆ ว่า “เมื่อครู่ได้ดื่มกับคุณหนูเจียงแล้วเจ้าค่ะ”
นางพบหน้ากับเจียงซือหร่าน เจียงถังต้องส่งคนเฝ้าดูไว้ตลอดเป็นแน่
เจียงถังหัวเราะออกมา “หร่านรานถูกข้าตามใจจนเหลิง นางไม่ได้ก่อความวุ่นวายกระมัง”
เฉียวเจาหลุบตาคลายยิ้ม คำถามนี้นางสุดปัญญาจะตอบได้ น่าจะถามว่า ‘คุณหนูเจียงไม่ก่อความวุ่นวายเมื่อไรจึงจะถูก’
เจียงถังเองก็รู้จักบุตรสาวของตนดีอย่างเห็นได้ชัด เขากล่าวด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ไว้ข้าจะอบรมสั่งสอนนางให้ดีๆ ภายหลัง”
เขาพูดพลางลุกไปดึงลิ้นชักตู้หนังสือหยิบกล่องหยกขาวใบหนึ่งออกมา จากนั้นเดินไปตรงหน้าเฉียวเจา เปิดมันออกพร้อมกล่าวทอดถอนใจ “คุณหนูหลีลองดูเถอะ ขนานใหม่”