บทที่ 333
เมื่อได้ยินเจียงถังกล่าวคำนี้ เฉียวเจาเกือบขบขัน นางจ้องมองยาลูกกลอนสีแดงเข้มในกล่องหยกขาวชั่วครู่แล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจะนำกลับไปศึกษาสักหน่อยถึงปรับปรุงตำรับยาแก้พิษใหม่ได้”
เจียงถังหยิบมีดเล่มเล็กกะทัดรัดออกมา จับยาเม็ดหนึ่งในนั้นไว้ทำท่ากะประมาณพลางถาม “หั่นขนาดนี้พอหรือไม่”
เฉียวเจามองไปทางเจียงถังอย่างประหลาดใจ
นี่มิใช่โอสถทิพย์จริงๆ เสียหน่อย หรือจะให้นางเอาไปไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว
“ฮ่องเต้พระราชทานให้ ไม่กล้ามอบให้คนอื่น” เจียงถังบอกด้วยสีหน้าจริงจัง หากในใจหลั่งน้ำตาอยู่เงียบๆ
เป็นเขาง่ายดายหรือไร นึกว่าฮ่องเต้ไม่ได้จับตาดูเขากินก็จะรอดตัวไปได้? ไร้เดียงสา! ‘โอสถทิพย์’ ที่เอากลับเรือนมาสองเม็ดนี้ รอคราวหน้าเข้าวังฮ่องเต้ต้องบอกให้เขาสาธยายความรู้สึกหลังกินเข้าไปอย่างละเอียด ถ้ามีจุดที่รู้สึกต่างกัน ฮ่องเต้ยังจะรั้งตัวเขาไว้จับเข่าคุยกันและพินิจพิเคราะห์อย่างเอาจริงเอาจัง
คราใดที่คิดถึงตรงนี้ เจียงถังก็เหลือเพียงความชอกช้ำระกำใจ
อยากเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ ใช่เรื่องง่ายดายปานนั้นหรือ
“ได้เจ้าค่ะ เท่านี้น่าจะพอแล้ว” เฉียวเจาไม่รู้ถึงความช้ำใจของเจียงถัง นางกล่าวอย่างไม่เอาใจใส่
เจียงถังลอบระบายลมหายใจ เขาตะโกนเรียก “สืออี เข้ามา!”
เจียงสืออีผลักประตูเข้ามา “ท่านพ่อบุญธรรม”
เจียงถังหันไปมองเฉียวเจา “คุณหนูหลี สืออีเป็นบุตรชายบุญธรรมของข้าอีกคนหนึ่ง วันหน้าก็ให้เขาคุ้มครองเถอะ”
เฉียวเจากับเจียงสืออีอึ้งงันไปพร้อมกัน
เจียงถังหยักยิ้ม “คุณหนูหลีอย่าเข้าใจผิด เพราะเจ้าออกจากเรือนบ่อยๆ ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า”
แม่เด็กน้อยผู้นี้มีอันเป็นไป วันหน้าใครจะปรุงยาถอนพิษให้ข้าเล่า ตกเป็นเบี้ยล่างผู้อื่นมันน่าคับใจเช่นนี้นี่เอง!
“ขอบคุณในเจตนาดีของท่านผู้บัญชาการใหญ่ แต่ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ใต้เท้าเจียงหนุ่มแน่นเก่งกาจ คอยติดตามสตรีสามัญเช่นข้าน่าเสียดายความสามารถเกินไป อีกทั้งไม่สะดวกนัก”
“คุณหนูหลี…”
เฉียวเจาเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ หลังจากนี้ข้าไม่น่าจะได้ออกนอกเมืองอีก เชื่อว่าแค่ไปที่ใดมาที่ใดอยู่ในเมืองไม่มีทางประสบอันตรายใด ท่านว่าใช่หรือไม่”
ในเมืองหลวงยังมีกลุ่มอำนาจฝ่ายใดที่มีหูตามากกว่ากององครักษ์จินหลินเล่า
เจียงถังตระหนักถึงจุดนี้ได้เช่นกันอย่างชัดเจน เขาเห็นเฉียวเจาปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวก็ไม่ยืนกรานอีก “ตกลง หากคุณหนูหลีเจอปัญหาอะไร รบกวนบอกกล่าวกันสักคำเท่านั้นเป็นพอ”
เจียงสืออีซึ่งสีหน้าไร้ความรู้สึกใดลอบถอนใจโล่งอก หวุดหวิดเต็มที เกือบต้องไปเป็นองครักษ์แล้ว
“สืออี ออกไปส่งคุณหนูหลี”
“ขอรับ”
“ส่งคุณหนูหลีกลับจวนนะ” เจียงถังกล่าวเสริมขึ้นอีกคำอย่างไม่วางใจ
ถ้าเจ้าหนุ่มหัวทึบผู้นี้ส่งคนถึงหน้าประตูก็กลับมาอีก เขาจะเปลี่ยนคน!
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา เจียงสืออีกลับมาแล้ว
มุมปากของเจียงถังกระตุกริกๆ “บอกให้เจ้าส่งคุณหนูหลีกลับจวนมิใช่หรือ”
“คุณหนูหลีบอกว่าไม่กลับจวนขอรับ” เจียงสืออีพูดตามสัตย์จริง
“ดังนั้นเจ้าเลยไม่ไปส่ง” เจียงถังวางมือบนถาดน้ำชา เขาโกรธจนหนวดกระดิก เขาสมควรโยกย้ายเจียงอู่กลับมาใช่หรือไม่
“สืออี เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าให้เจ้าไปส่งคุณหนูหลี”
“กลัวคุณหนูหลีพบกับอันตรายหรือขอรับ”
เจียงถังกลอกตาขึ้น ผายลม ข้าต้องการให้เจ้าได้ใกล้ชิดสตรีมากขึ้น!
“ออกไปเสีย โดยไว” เจียงถังโบกมือไปมาอย่างท้อแท้หมดหวัง
“ข้าขอตัวขอรับ” เจียงสืออีออกไปอย่างงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
หลังเฉียวเจาออกจากจวนสกุลเจียงแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังจวนกวนจวินโหว
“หลีซาน” ฉือชั่นรออยู่หน้าประตู
“พี่ฉือ” นางเอ่ยทักทายพร้อมกับลอบถอนใจเฮือก
เมื่อคืนเฉียวเจานอนกับเหอซื่อ ฟังนางเล่าถึงฉือชั่นไม่น้อย เป็นต้นว่าเรื่องที่เขาช่วยแก้สถานการณ์ให้บิดา และเขารุดไปที่เขาลั่วสยาแต่เช้าตรู่ทุกวัน
เหอซื่อถึงขั้นถามไถ่ว่านางคิดอย่างไร
นางไม่เคยคิดอะไรมาแต่ไหนแต่ไร และบอกเขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแต่แรก
ที่แท้ความประสงค์ดีที่ยอมรับไม่ได้ยังรับมือยากกว่าความประสงค์ร้าย
ยามเดินเคียงไหล่กันเข้าสู่ลานเรือน ฉือชั่นมองตรงไปข้างหน้า ทว่าหางตาลอบมองเด็กสาวข้างกายอย่างพินิจ