“หลีซาน หลายวันมานี้เจ้าอยู่บนเขาคงไม่คุ้นเคยอย่างมากกระมัง”
“พอไหวเจ้าค่ะ”
“ขนมกับแตงหวานที่ข้ามอบให้ เจ้ากินหรือยัง”
“กินแล้วเจ้าค่ะ ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณพี่ฉือเลย”
ฉือชั่นโบกมือไปมา “ขอบคุณอะไรกัน มิใช่ของราคาแพงอันใดสักหน่อย”
เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วหยุดฝีเท้า น้ำเสียงแฝงรอยลังเลอย่างที่ไม่เป็นบ่อยนัก “หลีซาน ถิงเฉวียนบอกกับเจ้าแล้วหรือยัง”
เฉียวเจาชะงักเท้าเล็กน้อยแต่ไม่หยุดเดิน นางก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ
ฉือชั่นรีบไล่ตามไป “หลีซาน ข้าถามเจ้าอยู่นะ”
“เขาบอกแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจาช้อนตาขึ้นมองเขา สีหน้าสีตาของนางจริงจังเป็นอันมาก “พี่ฉือ ข้าขออภัยด้วย”
รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉือชั่นเลือนหายไปทันควัน เขาจ้องหน้าเฉียวเจาโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาสักคำ
“ข้าไม่คิดจะออกเรือนจริงๆ เจ้าค่ะ”
ฉือชั่นขยับปาก แต่เฉียวเจาชิงตัดหน้าไม่ให้เขาได้พูด “ไม่ใช่เพราะข้าอายุน้อยเลยพูดตามใจชอบ ข้าต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร ข้าแจ่มแจ้งดีมาโดยตลอด”
เขาเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่ต้องการข้าสินะ ใช่หรือไม่”
เฉียวเจาหลับตาลง ทำใจแข็งพูดขึ้น “ใช่ ต่อให้ข้าออกเรือนจริงๆ ก็ไม่มีวันเลือกพี่ฉือเด็ดขาด ฉะนั้นวันหน้าพวกเรารักษาความสัมพันธ์ฉันสหายหรือไม่ก็…”
“หรือไม่ก็ความสัมพันธ์ฉันคนแปลกหน้า?” ฉือชั่นยิ้มอย่างวังเวงใจ “หลีซาน เจ้าเป็นเด็กสาวใจร้ายจริงๆ”
นางลอบถอนใจเบาๆ
นางไม่เคยคิดทำร้ายจิตใจของคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางไว้โดยไม่ยั้งไมตรีถึงเพียงนี้ แต่นางรู้ดีว่าไม่มีวันที่นางจะให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการได้ หากใจอ่อนจะเป็นการทำร้ายเขามากที่สุดต่างหาก
พี่ฉือ…ไม่ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ไม่เปิดโอกาส นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าทำเพื่อท่านได้
ฉือชั่นชะงักนิ่ง เขาเหยียดยิ้มตรงมุมปาก หากรอยยิ้มนั้นแข็งทื่อปราศจากความอบอุ่นสักนิด ทำให้ชายหนุ่มแลดูว้าเหว่อ้างว้าง ไม่หลงเหลือท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่ทุกข์ร้อนอันใดตามปกติให้เห็นอีก
“หลีซาน” เขาเอ่ยปากขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงฝืดเฝื่อน “เจ้าเข้าไปเองเถอะ ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระ กลับก่อนล่ะ”
เขาพูดจบแล้วไม่รอเฉียวเจาขานตอบ กำมือเป็นหมัดแน่นหมุนกายกลับไป เถาเซิงเด็กรับใช้ซึ่งติดตามอยู่ด้านหลังไกลๆ มองเฉียวเจาปราดหนึ่งด้วยความแปลกใจ ก่อนไล่กวดตามไปอย่างฉงนฉงาย
ปิงลวี่ที่ตามหลังมาเหมือนกันเดินเข้ามาหา “คุณหนู คุณชายฉือเป็นอะไรไปเจ้าคะ”
“เขามีธุระด่วน” เฉียวเจาไม่อยากพูดอะไรมาก นางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
เซ่าหมิงยวนกับเฉียวโม่ต่างรออยู่ในเรือนกลาง เห็นเด็กสาวเข้ามาก็ก้าวไปหานางพร้อมกัน
“คุณหนูหลีมาแล้วหรือ” เซ่าหมิงยวนทอดสายตามองไปข้างหลังไม่เห็นเงาของฉือชั่น แววกังขาผุดขึ้นในดวงตาเขา “สือซีไม่ได้เจอกับคุณหนูหลีหรือ”
“พี่ฉือมีเรื่องด่วน กลับไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจาบอกกล่าวคำหนึ่งเป็นเชิงอธิบายค่อยมองไปทางเฉียวโม่
“เจาเจา ดูเหมือนเจ้าผอมลงนะ” เฉียวโม่มองนางตาไม่กะพริบ
เฉียวเจาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่ได้ผอมลงเจ้าค่ะ พี่ใหญ่อุปาทานไปเอง”
เซ่าหมิงยวนมองดูอยู่ด้านข้าง รู้สึกไม่วายว่าน้ำเสียงและคำพูดของทั้งคู่ผิดปกติไปบ้าง
เพลานี้มีองครักษ์ผู้หนึ่งเดินเข้ามากระซิบบอกที่ข้างหูเขาสองสามคำ
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าแล้วเอ่ยกับคนทั้งสอง “พี่เฉียวโม่ คุณหนูหลี พวกท่านนั่งคุยกันก่อน ทางวังหลวงส่งคนมาเรียกข้าเข้าวัง”
เซ่าหมิงยวนไปแล้ว เฉียวโม่ทำมือบอกให้เฉียวเจาเดินตามเขาไป
สองพี่น้องนั่งในศาลากว้างใหญ่ เฉียวโม่พูดเสียงเบา “กวนจวินโหวบอกข้าว่ามีเบาะแสเรื่องที่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่วางยาพิษข้าแล้ว”
“สืบได้เรื่องอะไรเจ้าคะ” นัยน์ตาของเฉียวเจาทอแววเคร่งเครียด คิดไม่ถึงว่าเซ่าหมิงยวนจะได้เบาะแสเรื่องพี่ใหญ่โดนวางยาพิษอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 ส.ค. 65 เวลา 12.00 น.