เจินจยาฝูตอบกลับยิ้มๆ “ป้าจ้าว เดิมทีข้าเองก็ไม่ควรจะสอดปาก เพียงแต่ในเมื่อเดินผ่านมาแล้ว ต่อให้ดูแปลกข้าก็ต้องขอพูดสักคำ วันนี้เป็นงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า พวกเจ้าถูกส่งมาเก็บกวาดเรือนเพื่อเตรียมให้คุณชายใหญ่กลับมาพัก แต่กลับไม่รู้จักทำงานดีๆ เอาแต่พูดจาไร้สาระเรื่องใดกันอยู่ เป็นเพราะพวกเจ้าเห็นว่าฮูหยินกำลังยุ่ง ไม่มีเวลามาจัดการพวกเจ้ากระมัง แอบเกียจคร้านยังไม่เท่าไร แต่นี่ยังนินทาเจ้านายขึ้นมาอีก คำพูดเหล่านั้นที่พวกเจ้าพูดมาคืออะไรกัน ในเมื่อไร้หลักฐาน นี่ก็ถือเป็นการกระพือข่าวลือ ข้าไม่เชื่อว่าจวนเว่ยกั๋วกงจะไร้กฎ ปล่อยปละละเลยให้พวกเจ้าไม่เคารพเจ้านายกันเช่นนี้!”
สีหน้าของเหล่าจ้าวกับบ่าวหญิงอาวุโสผู้นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หากเป็นเมื่อก่อนย่อมไม่จำเป็นต้องเกรงใจบุตรสาวสกุลเจินผู้นี้ ก็แค่ญาติคนหนึ่งของบ้านรองเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับแตกต่างออกไป ทุกคนภายในจวนต่างรู้ว่ารองานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าเสร็จสิ้น ต่อมาก็จะเป็นเรื่องงานแต่งงานทันที ไม่ว่าลับหลังจะนินทาอย่างไร คุณหนูสกุลเจินผู้นี้ก็ใกล้แต่งเข้ามาในสกุลเผยเต็มที ต่อให้ไม่เหมาะสมอย่างไรก็ยังเป็นชายาซื่อจื่อจวนเว่ยกั๋วกงอย่างถูกต้อง เมื่อได้ยินนางกล่าวหนักเช่นนั้น ซ้ำไม่ทราบเช่นกันว่าเมื่อครู่นี้นางได้ยินไปมากน้อยเพียงไร จึงอดที่จะขลาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ รีบก้มหน้าลงยอมรับผิดทันที “เจ้าค่ะๆ คุณหนูสั่งสอนได้ถูกต้อง เมื่อครู่พวกเราปากพล่อย ไม่กล้าอีกแล้วเจ้าค่ะ!”
ในเมื่อทนไม่ไหวเดินเข้ามาแล้วก็ย่อมไม่กลัวที่จะล่วงเกินผู้อื่น นับประสาอะไรที่หากสามารถยกเลิกงานแต่งได้ตามที่หวัง วันหน้าก็ไม่มีทางเกี่ยวข้องใดๆ กับคนสกุลนี้อีก สัญชาตญาณที่ถูกกดข่มเอาไว้ทั้งหมดเมื่อชาติก่อนดูเหมือนจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาในชาตินี้แล้ว
เจินจยาฝูมองไปยังประตูที่เปิดแง้มอยู่ครึ่งหนึ่ง เห็นภายในลานปัดกวาดไปแล้วหนึ่งรอบ ทว่าก็แค่ปัดส่งๆ ทำอย่างเสียไม่ได้เท่านั้น บนพื้นแม้แต่ใบไม้ร่วงยังกวาดไม่สะอาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องราดน้ำกำจัดฝุ่นเลย นางจึงเอ่ยต่ออีกว่า “วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบหกสิบปีของฮูหยินผู้เฒ่า คุณชายใหญ่จะต้องกลับมาแน่นอน ในเมื่อมีเวลามานินทาผู้อื่น เหตุใดจึงไม่เอาเวลาไปปัดกวาดภายในห้องให้สะอาดเสียเล่า”
ป้าจ้าวอายุมากแล้ว จู่ๆ มาถูกคุณหนูอายุน้อยสั่งสอนโดยไม่เกรงใจเช่นนี้ แม้ในใจจะไม่พอใจที่หญิงสาวสกุลเจินผู้นี้รีบแสดงอำนาจตั้งแต่ยังไม่ทันแต่งเข้า ทว่าบนใบหน้ากลับไม่กล้าแสดงออกแม้แต่น้อย ปากได้แต่เอ่ย “จะไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ” พร้อมลากไม้กวาดบนพื้นขึ้นมา กลับตัวเดินเข้าไปทันที
บ่าวหญิงอาวุโสอีกคนเห็นเช่นนั้นก็รีบร้อนตามไปเช่นเดียวกัน
เจินจยาฝูเห็นบ่าวหญิงอาวุโสทั้งสองคนเริ่มปัดกวาดพื้นใหม่อีกครั้ง รู้ว่าหลังตนเองจากไป ต่อให้พวกนางพูดนินทาลับหลังอีกก็จะต้องพูดแต่เรื่องไม่ดีของตนเองแล้ว นางจึงหันหลังกลับเดินต่อไปข้างหน้า
“เมื่อครู่ตอนพวกเราเดินออกมา สีหน้าของบ่าวหญิงอาวุโสทั้งสองดูไม่ได้ยิ่งนัก” ถานเซียงที่ยิ้มกริ่มเริ่มเผยแววกังวล “เพียงแต่กลัวว่าจะทำให้พวกนางไม่พอใจ นินทาว่าคุณหนูยุ่งเรื่องของผู้อื่นเอานะเจ้าคะ”
ถานเซียงรู้สึกทั้งสาแก่ใจทั้งไม่สบายใจอยู่บ้าง จึงเอ่ยขึ้นอยู่ข้างๆ
เจินจยาฝูว่า “ไม่พอใจก็ไม่พอใจไป ข้าไม่ใส่ใจหรอก ข้าแค่ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่ว่าพี่ใหญ่เผยจะเป็นอย่างไร คนพวกนี้ก็ไม่อาจนำมาพูดนินทาลับหลัง”
“คุณหนูบอกว่าวันนี้คุณชายใหญ่จะต้องกลับมา…จริงหรือเจ้าคะ”
ถานเซียงนึกถึงน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของนางเมื่อครู่นี้ ให้รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“ข้ามั่นใจว่าเขาต้องกลับมาแน่”
“คุณหนูรู้ได้อย่างไรกัน”
“เมื่อคืนข้าฝันเห็นเขากลับมาอวยพรวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว เจ้าเชื่อหรือไม่เล่า”
นางกล่าวทีเล่นทีจริงออกมาประโยคหนึ่ง เดินเลียบไปตามแนวโค้งของป่าไผ่ ทันใดนั้นฝีเท้าพลันหยุดชะงักลง
โปรดติดตามตอนต่อไป