ซินฮูหยินนิ่งอึ้ง เตรียมจะเปิดปาก ฮูหยินผู้เฒ่าก็หันไปทางเผยเฉวียนกับเมิ่งฮูหยินต่อ “จะปล่อยให้บ้านรองอย่างพวกเจ้าเสียเปรียบไม่ได้เช่นกัน รอลั่วเอ๋อร์แต่งงานเมื่อไร ค่าใช้จ่ายย่อมไม่น้อย วันนี้ข้าให้บ้านใหญ่ไปมากเท่าไร ถึงยามนั้นก็จะชดเชยให้พวกเจ้ามากเท่านั้น ที่ข้าทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ หากยังมีส่วนที่ไม่เป็นธรรมอื่นใดอีกก็หวังว่าพวกเจ้าจะให้อภัยข้าได้ ปล่อยให้เรื่องผ่านไปนับแต่นี้ อย่าได้เกิดความบาดหมางระหว่างกันด้วยเรื่องนี้อีก หากถูกคนนอกรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้”
เผยเฉวียนรุดมาข้างหน้า คุกเข่าโขกศีรษะเอ่ย “ท่านแม่ เงินพวกนี้ในฐานะบุตรชายไม่อาจรับไว้เด็ดขาด ทุกอย่างเป็นเพราะลูกเลอะเลือนไปเอง ถึงกับคิดเล็กคิดน้อยกับหลานชายขึ้นมา ท่านแม่อย่าได้โมโหจนเสียสุขภาพ หากท่านแม่มีสุขภาพแข็งแรงจึงจะเป็นความสุขของสกุลเผยของพวกเรา”
ซินฮูหยินกับเมิ่งฮูหยินต่างพากันเอ่ยตำหนิตนเอง
ในดวงตาฮูหยินผู้เฒ่าปรากฏหยาดน้ำตาน้อยๆ ขณะเอ่ย “ไม่ปิดบังพวกเจ้า งานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้ สำหรับข้าแล้วจะมีหรือไม่มีก็ได้ ข้าแค่สงสารพวกเจ้า เพื่อจะทำให้พวกเจ้ามีความสุขถึงได้รับปากออกหน้าไปพบแขก ข้าหวังว่าพวกเจ้าเองก็จะเข้าใจความจริงใจของข้าด้วยเช่นกัน สุขทุกข์ไร้ประตู มีเพียงมนุษย์เรียกเข้ามาเอง ข้ามีชีวิตอยู่มาจนอายุปูนนี้ เห็นการเปลี่ยนแปลงมามาก ขอเพียงครอบครัวยังมีใจสามัคคีกัน แม้วันนี้ไม่ราบรื่น แต่พรุ่งนี้ก็อาจพลิกตัวกลับมาได้ คำพูดข้าเอ่ยถึงแค่ตรงนี้ ถ้าพวกเจ้าเห็นว่ามีเหตุผล กลับไปแล้วก็จดจำเอาไว้ นี่ถึงจะทำให้ข้ามีความสุขยิ่งกว่าพวกเจ้าจัดงานวันเกิดให้ข้าร้อยครั้งเสียอีก”
เผยเฉวียนโขกศีรษะ ซินฮูหยินกับเมิ่งฮูหยินต่างพากันรับปากอย่างเชื่อฟัง
ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปยังซินฮูหยิน “เฉวียนเกอเอ๋อร์ก็อายุไม่น้อยแล้ว ผ่านปีใหม่ไปก็จะอายุครบห้าขวบเต็ม ควรจะสั่งสอนให้ดีๆ ได้แล้ว วันหน้าไม่อนุญาตให้พาไปสกุลซ่งตามอำเภอใจอีก”
ซินฮูหยินนิ่งอึ้ง ลังเลอยู่เล็กน้อย “แต่ทางนั้นวิ่งมารับไปเอง…”
ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นเสียง จ้องไปที่ซินฮูหยิน “เขาสกุลเผยหรือว่าสกุลซ่งเล่า เจ้าเอาแต่คิดถึงบุตรชาย ไฉนจึงไม่คิดถึงหลานชายเสียบ้าง”
ซินฮูหยินใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าลงไปอย่างกระดากอาย
ดึกดื่นจนเกือบพ้นยามไฮ่ เผยเฉวียน ซินฮูหยิน และเมิ่งฮูหยินทยอยเดินออกมาจากห้องทางทิศเหนือ
รอจนคนจากไปหมดแล้ว อวี้จูจึงเดินเข้าไป ถามถึงการปรนนิบัติชำระกายพักผ่อน หญิงชรากลับเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ดวงตามองไปยังนาฬิกาทรายที่มุมห้อง
เหลืออีกแค่ครึ่งชั่วยาม* วันนี้ก็จะผ่านพ้นไปแล้ว
ดึกเพียงนี้แล้วฮูหยินผู้เฒ่ากลับยังไม่พักผ่อน อวี้จูรู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าถาม หลังอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ สักพักหนึ่ง นางพลันนึกถึงเรื่องที่พบเจอเมื่อตอนบ่ายขึ้นมาได้ ในใจกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที เปิดปากเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่า ยามนี้คุณหนูสกุลเจินก็อยู่ในห้องรองเจ้าค่ะ ถ้าหากฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่นอน บ่าวจะไปเรียกนางมา ให้นางมาพูดคุยเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”
เอ่ยจบ เห็นฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ผงกศีรษะแล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธ คล้ายกำลังจมอยู่กับความทรงจำในอดีตอันแสนยาวนาน อวี้จูจึงลอบเดินออกไปเงียบๆ