เจินจยาฝูเดินเข้ามาในห้อง ก่อนคารวะฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าหันหน้ากลับมา เห็นนางมาแล้วก็ยิ้มน้อยๆ เอ่ย “อวี้จูเองก็ยุ่งวุ่นวาย ดึกป่านนี้แล้วยังเรียกเจ้ามา เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ ที่ข้าไม่มีเรื่องอะไร เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”
เมื่อครู่อวี้จูบอกกับเจินจยาฝูว่าอยากให้นางมาทางนี้ พูดคุยเรื่องดีๆ ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุข
เห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นอวี้จูหรือว่าหญิงชราที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ต่างไม่มีผู้ใดคาดหวังว่าเผยโย่วอันที่ออกจากบ้านไปเมื่อหลายปีก่อนจะกลับมาในคืนนี้
แต่เจินจยาฝูกลับจำได้ว่าเมื่อชาติก่อนเขากลับมาในคืนวันนี้จริงๆ เพียงแต่กลับมาดึกมากๆ ส่วนที่ว่าดึกถึงยามใดนั้น นางกลับจำได้ไม่ชัดเจน
นางมองไปยังหญิงชราที่อยู่ภายใต้แสงโคมตรงหน้า หลังจากอีกฝ่ายถอดเครื่องประดับและอาภรณ์หรูหราไปแล้วก็เหลือเพียงเงาร่างอันโดดเดี่ยวเท่านั้น ในช่วงเวลาพริบตาสั้นๆ นี้ จู่ๆ ในใจนางพลันรู้สึกเสียใจกับแผนการที่ตนเพิ่งลงมือไปเมื่อครู่นี้
หากเฉวียนเกอเอ๋อร์ไม่สบายขึ้นมา ในคืนนี้หญิงชราผู้นี้ย่อมไม่อาจนอนหลับสนิทแน่
ความจริงแผนการนั้นของนางช้าไปอีกหนึ่งคืนก็ไม่เป็นอะไร เดิมทีน่าจะปล่อยให้หญิงชราได้ผ่านงานวันเกิดอายุหกสิบปีไปอย่างราบรื่นก่อน
นางผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เอ่ยว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า พี่ใหญ่เผยจะต้องกลับมาแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มน้อยๆ ผงกศีรษะ “เด็กดี รีบไปพักผ่อนเถอะ”
เจินจยาฝูกัดริมฝีปาก สุดท้ายยังคงกลืนคำพูดอื่นลงไป ยอบกายลงคารวะฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนกลับตัวเดินไปทางประตูช้าๆ
“ฮูหยินผู้เฒ่า…ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ!”
ในตอนที่เจินจยาฝูเดินมาถึงประตู ทันใดนั้นภายนอกเรือนพลันมีเสียงดังแว่วมา ในค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้ ฟังดูบาดหูไปบ้างเมื่อได้ยิน
เจินจยาฝูชะงักฝีเท้า หยุดยืนอยู่หน้าประตู
อวี้จูรีบออกไปตำหนิบ่าวหญิงอาวุโสที่วิ่งเข้ามาผู้นั้น “เสียสติไปแล้วหรือ ตะโกนกลางดึกเช่นนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
“คุณชายใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ!” บ่าวหญิงอาวุโสวิ่งจนเหนื่อยหอบ สีหน้าแปลกประหลาด ทำไม้ทำมือพลางเอ่ยปากอธิบาย “บ่าวแทบจะจดจำไม่ได้!”
เสียงตะโกนของบ่าวหญิงอาวุโสผู้นี้ดังมากจริงๆ ถึงแม้ตัวจะยังอยู่ในลาน แต่เสียงกลับดังให้ได้ยินไปทั่วเรือนแล้ว
ด้านหลังเจินจยาฝูเงียบสงบ ไม่ได้ยินเสียงสักนิดเดียว
ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงนั่งอยู่เช่นนั้น เงาร่างคล้ายจะแข็งทื่อไปแล้ว จู่ๆ ก็หยิบไม้เท้าที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมา พร้อมกับลุกพรวดขึ้นมาทันควัน
ตอนที่เจินจยาฝูหลงคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะก้าวเดินออกไป นางกลับเห็นอีกฝ่ายหยุดลงอีกครั้ง ยืนอยู่ชั่วครู่ก็กลับลงไปนั่งช้าๆ
ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อครู่นี้ เพียงแต่มือข้างนั้นกุมไม้เท้าเศียรมังกรเอาไว้แน่น หลังมือปรากฏเอ็นเขียวปูดโปนขึ้นมาจำนวนหนึ่ง มองเห็นได้อย่างชัดเจน
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากกลางลานแล้ว
เจินจยาฝูหันหน้าไปโดยไม่รู้ตัว สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างฉลุลายดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าออกไป